อาการของจิตที่เป็นความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ หรือเป็นธรรมารมณ์ที่ถูกรู้ได้ มันไม่ใช่เป็นจิตแท้ ๆ มันเป็นอาการของจิต เป็นเงาของจิต ที่มันมีปรากฏเป็นอาการ เป็นธรรมารมณ์ มีความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ ว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบาย ไม่ว่างโล่งโปร่งเบาสบาย จิตดี จิตไม่ดี มันเป็นเพียงอาการของจิต มันเป็นเงาหรือเป็นมายา
เหมือนพวกท่านนั่งอยู่ใต้แสงไฟ ท่านทุกคนจะต้องมีเงา ท่านลองดูสิ ท่านลองยื่นมือออกมา มันมีเงาทั้งนั้นเห็นมั้ย ท่านยื่นมือออกมาแล้ว มีเงาหมดเลย เพราะว่าท่านนั่งอยู่ใต้แสงไฟ "เงา" ที่ท่านยื่นมือออกมา มันก็เปรียบเหมือนเงาของจิต คืออาการของจิต แต่ตัวท่านเปรียบเหมือนจิต
อาการของจิตเปรียบเหมือนเงาที่ท่านยื่นมือออกมา เป็นเงาของตัวเรา แต่ตัวท่านน่ะมันมีตัวตนเป็นรูปร่าง แต่ตัวจิตแท้ ๆ มันไม่มีตัวตน มันเป็นแต่ความว่างเปล่า มันไม่มีอะไรเลย มันมีแต่ความรู้ แต่ตัวตนของความรู้ไม่มี จุดหรือต่อมของผู้รู้ไม่มี แต่ที่มันมีอาการที่เป็นเงา เหมือนกับตัวเรายื่นมือออกแล้วเป็นเงาเนี่ย มันเป็นเงาของมัน ไม่ใช่มัน ไม่ใช่จิตแท้ ๆ
เมื่อจิตมันเรียนรู้ความจริง ด้วยสติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร ขันติ ควบคุมจิตให้มันเรียนรู้ความจริงอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน เรียนรู้ความจริงในเรื่องของจิตว่า นี่มันเป็นอาการของจิตหมดเลย มันเป็นสังขารปรุงแต่ง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ๆ ๆ
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีแล้วหายไป มันเป็นอาการของมัน แต่ผู้ที่มารู้อาการ มันไม่ได้มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่มีอะไรเลย งั้นจิตแท้ ๆ ที่ไม่ใช่เป็นเงาของมัน มันไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่าง ไม่มีจุด ไม่มีต่อม ไม่มีที่ตั้งของผู้รู้ มันเป็นความรู้เหมือนกับว่า รู้ว่าร่างกายเรานั่งโดยไม่ต้องก้มไปดู มันรู้จิตที่ปรุงแต่งขึ้นมาเลย มันรู้ขึ้นมาเลยโดยไม่ต้องเจตนา จงใจ ก้มลงเข้าไปมองดูอาการของจิต ก้มลงไปมองดูจิต มันก็จะรู้ว่าจิตเนี่ย เกิดเองดับเอง เกิดเองดับเอง
"จิต" หมายถึงเงาของมัน คืออาการของจิต แต่จิตแท้ ๆ มันไม่มีตัวตนหรอก ไม่มีใครไปดูมันได้หรอก มันได้แต่ "รู้แก่ใจ" ว่า สิ่งใดก็ตามที่เป็นสังขารที่เกิดขึ้นมา ล้วนไม่ใช่จิตหมด ไม่ใช่จิตแท้ ๆ เพราะจิตแท้ ๆ ไม่มีตัวตน
จิตหรือวิญญาณแท้ ๆ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง มีแต่เงามันที่เป็นมายาหลอกลวงให้ลุ่มหลง แล้วก็ไม่หลงเงา ไม่หลงมายา เรียกว่า “ไม่หลงสังขาร” ก็พ้นสังขาร จึงเป็นธรรมมีธรรมที่มั่นคง นี่แหละคือองค์ธรรมเอกวิเวกจริง
จิตมันก็หายโง่ ว่าแท้จริงที่ไปหลงวุ่นวายกับอาการจิต หลงวุ่นวายไปตามความรู้สึกนึกคิดอารมณ์เนี่ย ไปหลงเงาหลงมายาหมดเลย จนกระทั่งเป็นทุกข์โศกเศร้า เป็นโรคซึมเศร้า วุ่นวายหลงไปตามอาการของจิต หลงไปตามความคิด หลงไปตามมายา แท้จริงผู้รู้แท้ ๆ รู้ความจริงแท้ ๆ แล้วสิ้นหลงยึดเนี่ย มันไม่มีตัวตนเลย แต่ผู้ที่โง่อยู่ มันก็ยังหลงยึดเงาอยู่นั่นแหละ
มันก็มีนิทานเรื่องหนึ่งที่ว่า หมามานอนอยู่ที่พื้นดิน แล้วก็ ในเวลากลางวัน ผีเสื้อบินอยู่บนท้องฟ้า เงาของผีเสื้อมันก็ตกกระทบพื้นดิน มันก็บินไปบินมา
หมาโง่ (อวิชชา) อวิชชาหมาโง่ มันก็วิ่งไล่งับเงาผีเสื้อ เพื่อจะกัดให้ได้ มันเข้าใจว่า เงาเนี่ยคือตัวผีเสื้อ แล้วมันก็วิ่งงับ วิ่งไล่งับเงาให้ได้ มันงับยังไงเนี่ย มันงับได้ไหม?... "ไม่ได้"... สุดท้าย วิ่งงับไป วิ่งงับมา ตกหน้าผาตาย
หมาโง่ ใครเป็นหมาโง่? เห็นมั้ย....
เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็เครียด เดี๋ยวก็เป็นโรคซึมเศร้า เดี๋ยวก็กระแทกใส่กัน เดี๋ยวก็อิจฉาริษยากัน เดี๋ยวไฟก็ออกจากตา ไฟก็ออกจากปาก หมาโง่... หลงไปตามอาการ หลงไปกับมายา หลงกับเงา
พาจิตไปเรียนรู้ความจริงแบบนี้ว่า มันจะเป็นหมาโง่อีกหรือไง ในชาตินี้ และชาติต่อไป จะเป็นหมาโง่ตกหน้าผาตายทุกชาติหรือไง ไล่งับเงาอยู่เนี่ย เข้าใจแบบนี้มันก็ไม่หลงเล่นไปตามอาการ เรียกว่า “พ้นสังขาร” พ้นสังขาร มีธรรมที่มั่นคง ไม่ใช่ว่าเอาตัวเราไปพ้น เพราะความรู้สึกเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา มันเป็นเงา
แต่ถ้ามันเป็นใจแท้ ๆ หรือจิตดั้งเดิมแท้ หรือจิตบริสุทธิ์ หรือใจบริสุทธิ์ อันนั้นมันมีแต่ความรู้ ที่มันรู้ว่า ความคิด ความรู้สึกว่าเป็นเรา มันเป็นมายาหลอกลวง มันจะไม่หลงไปตามมายา ที่เป็นเงาผีเสื้อ มันจะไม่หลงไป หมามันก็จะไม่โง่ ไปไล่งับเงาผีเสื้อให้ตกหน้าผาตาย
งั้นความคิดความรู้สึกว่าเป็นเรา ตัวเรา ในปัจจุบันขณะเนี่ย ให้เห็นว่ามันเป็นเงา มันไม่ใช่เป็นใจแท้ ๆ หรือจิตดั้งเดิมแท้ ๆ หรือจิตบริสุทธิ์ หรือใจบริสุทธิ์ อันนั้นมันมีแต่ความรู้ มีแต่ความรู้ที่ถูกต้อง มันไม่ใช่รู้แบบโง่
รู้ที่ถูกต้อง รู้อะไร? ก็รู้ว่าผู้รู้นี่มันก็ไม่มีตัวตนเลย หรือจิตแท้ ๆ หรือจิตบริสุทธิ์เนี่ย ตัวตนมันไม่มีหรอก ไม่มีอาการใด ๆ เลย ที่มีอาการใด ๆ ไม่ใช่จิตบริสุทธิ์ ไม่ใช่ธาตุรู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ใจบริสุทธิ์
ธาตุรู้บริสุทธิ์ หรือใจบริสุทธิ์ มันไม่มีอาการใด ๆ มันได้แต่รู้ความจริง รู้ความจริงออกมาจากใจว่า สังขารทั้งนั้น เป็นเงาเป็นมายาทั้งนั้นเลย แม้แต่ความคิด ความรู้สึกว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา มันเป็นมายา เป็นเงาผีเสื้อ
เมื่อความรู้ความจริงออกมาจากใจ มันก็ไม่ไล่งับเอาผีเสื้อหลงไปกับความคิดความรู้สึกว่าเป็นเรา
ถ้าไม่หลงว่าเป็นเรา ของเรามันก็ไม่มี
ถ้ามันหลงว่ามีเรา มีตัวเรา มันก็จะต้องมีของเรา สามีของเรา ภรรยาของเรา ลูกของเรา และยึดจริง ๆ
เขามีอยู่ แต่ใจยึดว่ามาเป็นเรา ของเราจริง ๆ ให้เป็นทุกข์ไม่มี
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
191230ฺB-3 สิ้นยึดในความมี
30 ธันวาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/Pi-tDhHl-DY
~~~~~~~~~~~~~~~