โยม : ธรรมที่หลวงตาแชร์มาช่วงนี้ละเอียดมากเลยนะเจ้าคะ แต่หนูยังไม่ลงแก่ใจเลยเจ้าค่ะหลวงตา
กำลังหาธรรมที่พิจารณาแล้วเห็นว่า “มันไม่เที่ยง” ให้มันลงแก่ใจ ตามที่หลวงตาเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ
หลวงตา : ให้รู้เท่าทันจิตปรุงแต่ง แสดงอาการหรือกริยากระเพื่อมขึ้นมาว่า ....
“หนู” กำลังหาธรรม เพื่อให้มันลงแก่ “ใจของหนู”
ทั้งหนู และ ใจของหนู นั้น กำลังหลงยึดมั่นถือมั่นโดยไม่รู้ตัว มันหลงเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน .... ความทุกข์
ธรรมเขาไม่ได้ละเอียดขึ้น เพราะธรรมชาติที่เป็นสัจธรรมความจริงว่า
“สัพเพ สังขารา อนิจจา” สังขารไม่เที่ยง
“สัพเพ สังขารา ทุกขา” สังขารเป็นทุกข์
“สัพเพ ธัมมา อนัตตา” ธรรมทั้งมวล (สังขาร และ วิสังขาร) เป็นอนัตตา
“สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ” ธรรมทั้งมวล ไม่ควรหลงยึดมั่นถือมั่น
เพราะมันไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนคงที่ ไม่ใช่เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา มันไม่อยู่ในบังคับของเรา มันเกิดดับก็เพราะมีเหตุปัจจัยให้มันเกิดมีอยู่ เมื่อเหตุปัจจัยดับ มันก็ดับ ซึ่งเป็นธรรมชาติปกติธรรมดา
ธรรม หรือ ธรรมชาติ เขาก็แสดงสัจธรรมความจริงของเขาอย่างนี้มาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เราเพิ่งมารู้เห็นสัจธรรมชัดเจนจากใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงรู้สึกว่า ธรรมที่โพสต์มาละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความจริง “ธรรม” เขาเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งหยาบ ปานกลาง ละเอียด ตลอดเวลาของเขาอยู่แล้ว
แต่เราเพิ่งจะเห็นสัจธรรมนี้ชัดเจน จึงสิ้นหลงยึดมั่นน้อยลงไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ .... ความทุกข์ก็น้อยตามไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ .... จนกว่าจะสิ้นหลงยึดมั่นถือมั่น ความทุกข์อันเกิดจากความหลงยึดถือจึงดับลง (นิพพาน)
หรือ ความสุข ความทุกข์ของขันธ์ห้า ก็ยังเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ผู้หลงยึดถือความสุขและความทุกข์ ให้เป็นทุกข์ไม่มี
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
15 ตุลาคม 2562
~~~~~~~~~~~~~~~