โยม 1 : กราบนมัสการหลวงตาครับ เริ่มพิจารณากระดูกท่อนแขนให้เห็นเยื่อในกระดูกอยู่ พร้อมกับพิจารณาว่าเราอยู่ตรงไหนในกระดูกนั้น พักใหญ่ ๆ ภาพสุนัขปรากฏนั่งมอง ภาพกระดูกหายไปแล้วสุนัขนั้นก็หายไป
พิจารณากระดูกท่อนแขนต่อ พร้อมพิจารณาเราอยู่ตรงไหนในกระดูก ภาพกระดูกหายไป แต่มีความรู้สึกว่ารูปร่างกระดูกมีอยู่ แต่ใสจนมองไม่เห็น รู้สึกได้ว่ามีกระดูกอยู่ สักพักเป็นภาพคนเดินแต่ไม่เห็นหัว ไม่เห็นแขน มีแต่ชุดที่สวมใส่เดินได้ไม่เห็นรูปร่างคน แล้วภาพนั้นหายไป แล้วก็มาพิจารณากระดูกเหมือนเดิม
พอมาพิจารณากระดูก พร้อมพิจารณาเราอยู่ตรงไหน ก็เกิดความสงสัยว่า จะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง หรือให้รู้ให้เห็นตามที่ภาพจะปรากฏเอง หลังจากภาพการพิจารณาหายไป
พิจารณากระดูกแขนไล่ไปหามือ พร้อมพิจารณาเราอยู่ตรงไหน ภาพมือแตกสลายเป็นเขม่าลอยขึ้นในอากาศหายไป
จึงกราบเรียนหลวงตา เมตตาพิจารณาให้กระผมด้วยครับ กำลังเริ่มพิจารณากายครับ
หลวงตา : เมื่อภาพหายไป ให้เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น หรือ ตั้งแต่ก่อนที่ภาพอวัยวะหรือความตายจะหายไปก็ได้
~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : ตอนนี้กำลังพิจารณาตามหลวงตาแนะในไฟล์ 191007B-1 (ขันธ์ห้า) มันจะตายแล้ว มันจะแตกดับแล้ว
ภาพที่เห็นบ่อย ๆ แต่ไม่ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาคือ ธาตุขันธ์นอนอยู่บนเตียง แยกธาตุเป็นกอง ๆ ตาม ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วจะเห็นช่องว่างชัดเจนว่าไม่มีตัวตน พาให้เห็นพระไตรลักษณ์
น้อมกราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ
หรือไม่ควรเปลี่ยนเจ้าคะ ล่าสุดจะเห็นภาพไม่มีตัวตนตั้งแต่แรกเกิด (ตามยายกั้ง ห่วงหลาน เกือบไปเกิดเป็นลูกของหลาน) และภาพนอนตาย แยกออกตามธาตุ ที่กล่าวถึงบนนี้ แต่ไปต่อไม่ได้ เพราะขาดความต่อเนื่องเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
พิจารณาต่อเนื่องไม่ขาดสายว่า ขันธ์ห้า คือ ร่างกาย จิตใจ หรือ รูป นาม หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นส่วนผสมปรุงแต่งของธาตุตามธรรมชาติ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุรู้ หรือ รวมอากาศที่เป็นช่องว่างด้วย เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
จนลงแก่ใจหรือแน่ใจจริง ๆ ว่า ไม่หลงเหลือความหลงยึดมั่นถือมั่น ว่ามีตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา ในความรู้สึกอีกเลย
แน่ใจหรือมั่นใจว่า เมื่อขันธ์ห้าตายแตกดับแล้ว ไม่มีตัวตนออกจากร่างตามใครไป
เพราะสิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่นขันธ์ห้าว่าเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
หรือ สิ้นหลงยึดมั่นถือมั่นจิตใจ หรือ วิญญาณว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
ดับความหลงยึดมั่นถือมั่นสนิท ความอยากก็ดับสนิท เพราะไม่มีตัวตนของผู้อยาก
หรือ ความอยากดับสนิท ความเป็นตัวตนก็ดับสนิท
หรือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ดับสนิท กิเลส และ ความทุกข์ก็ดับสนิท (นิพพาน)
หรือ “นิพพาน” คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทานดับสนิท
~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
13 ตุลาคม 2562
หมายเหตุ : ไฟล์เสียงที่โยม 2 อ้างถึง ชื่อไฟล์ “191007B-1 พิจารณาความไม่เที่ยง”
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=QfDpOSonCtY
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/191007b-1
~~~~~~~~~~~~~~~