ถ้าเรารู้ที่ “ประตูใจ” เหมือนกับเรารู้ทางประตูอื่นอีก 5 ประตู (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) โดยที่เราไม่เข้าไปจัดระเบียบเขา ดูเขาตรงไปตรงมาอย่างที่เขาเป็น กิเลสก็ไม่มี ความทุกข์ก็ไม่มี
แต่ “ประตูใจ” เราสังเกตมั้ยที่เราถาม ๆ เนี่ย มันคือ ...
มันทำไมเป็นอย่างนี้ไม่เป็นอย่างนั้น
ทำไมมันเป็นอย่างงี้ ...? ทำไมมันคิด...?
ทำไงทำให้มันไม่คิด ....?
ทำไมจะคิดอีกแล้ว เราจะทำยังไงให้มันไม่คิดตลอด...?
เดี๋ยวมันจะคิดอีกแล้ว เดี๋ยวมันจะหลงอีกแล้ว
*** มันรู้อะไรก็อย่างงั้นแหละ ***
มันคิด ... เราก็รู้
มันไม่คิด ... ก็รู้
มันหลง ... ก็รู้
มันไม่หลง ... ก็รู้
*** มันเป็นธรรมชาติที่ต้องรู้ ***
มันเป็นธรรมชาติที่เขารู้ของเขาเอง
หลงมันก็รู้ของเขาเอง
ไม่หลงมันก็รู้ของเขาเอง
คิดมันก็รู้ของเขาเอง
ไม่คิดมันก็รู้ของเขาเอง
ถ้าเรา ... ไม่เข้าไปจัดระเบียบทางประตูใจ
ความทุกข์ก็ไม่มี กิเลสก็ไม่มี !
มันมีเพราะมี “ความอยาก” เข้าไปจัดระเบียบอะไร ถ้าเราไม่มีความอยากเข้าไปจัดระเบียบอะไร กิเลสตัณหาไม่มี ภพชาติ อุปาทาน ก็ไม่มี
ถ้าไม่มีตัณหา ... อุปาทานก็ไม่มี
อุปาทานไม่มี ... ภพชาติ ชรา มรณะ ความทุกข์โศกเศร้าเสียใจคับแค้นใจ ไม่มีทั้งหมด
ปัญหามันคือมันมั่วที่ประตูใจ!! เราจะอยากเข้าไปจัดระเบียบมันหมดเลยที่ประตูใจ ว่ามันจะต้องเป็นอย่างงี้ จะต้องไม่เป็นอย่างงั้น อะไรก็ตามที่เราไปรู้มันน่ะ ธรรมชาติมันก็ได้แต่รู้ แต่ทางประตูใจ ... เราไม่ได้ “ได้แต่รู้” เป็นธรรมชาติที่ได้แต่รู้
แต่เราจะเข้าไปจัดระเบียบที่ทางประตูใจ ว่ามันจะต้องเป็นอย่างงี้นะ ไม่เป็นอย่างนี้
เป็นอย่างนี้ไม่ได้ต้องเป็นอย่างนี้ เราเข้าไปจัดระเบียบ เข้าไปอยากให้มันเป็น อย่างที่เราอยากหมดเลย มันก็เลยเป็น “ตัณหา”
พอตัณหามันก็เลยเป็นอุปาทาน
อุปาทานเป็นเหตุให้เกิดภพ
ภพเป็นเหตุให้เกิดชาติ ชรามรณะ ทุกข์โศกเศร้าเสียใจคับแค้นใจ
“ปฎิจจสมุปบาท” มันหมุนตลอดเวลาในใจเรา
ที่ท่านว่าให้มีญาณรู้ประตูใจ ปัญญาคือ รู้ด้วยใจของเรา ... เหมือนดั่งตาเห็นรูป
รู้ประตูใจ เหมือนตาเห็นรูป
ตาเห็นรูปเราไม่เคยเข้าไปจัดระเบียบเลย หูได้ยินเสียงเราก็ไม่ได้ไปจัดระเบียบ เราเห็นคนในโลก เนี่ย ...เราอยู่ในกรุงเทพ คนเยอะแยะไปหมดเลย เราตื่นเช้าขึ้นมาเนี่ย เห็นคน ถ้าเราเห็นทุกอย่างเราจัดระเบียบทุกอย่างที่เราเห็นนะ เราจะจัดระเบียบคนในกรุงเทพ ทุกคนที่เราเห็นเนี่ย เค้าฆ่าเราตายแน่เลย เค้าจะว่าเราบ้า
ไปเจอใคร เราก็ ... ไม่ได้นะ! แต่งตัวอย่างนี้ไม่ได้ คุณต้องแต่งตัวอย่างนี้ ไม่ได้นะ เดินอย่างนี้ไม่ได้ คุณต้องหันแบบนี้ ! คุณใส่รองเท้าอย่างนี้ไม่ได้นะ คุณต้องอย่างนี้! คุณจะไปจัดระเบียบเค้าทุกคนที่คุณเห็น เหมือนกับที่คุณน่ะ พยายามจะจัดระเบียบของ “อาการของใจ” ที่คุณไปรู้
เราลองมาพิจารณาดูสิว่าทำไมตาเห็นรูป เราไม่เคยเข้าไปจัดระเบียบได้เลย เราต้องปล่อยให้มันเห็น อย่างที่มันเห็น
“ปล่อยให้มันรู้ทางประตูใจอย่างที่มันรู้”
จึงเป็นที่มาที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า...
ถ้าเธอ “สักแต่ว่า” ถ้าเธอสักแต่ว่ารู้ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ อย่างเป็นปกติธรรมชาติอย่างที่มันเห็น อย่างที่มันได้ยิน อย่างที่มันรู้ เธอจะสิ้นกิเลสพ้นทุกข์นิพพาน เธอจะบรรลุพระนิพพาน พาหิยะฟังจบท่านก็บรรลุนิพพานเลย
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190503B-6 ยอมรับอาการของใจอย่างที่เป็น
3 พฤษภาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=u8PicMhWb4g
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/190503b-6