“ใจ” หรือ “ธาตุรู้” ตามธรรมชาติแท้ ๆ ที่ไม่ใช่เป็น “วิญญาณขันธ์” เป็น “วิญญาณธาตุ”
วิญญาณธาตุ กับ วิญญาณขันธ์ ไม่เหมือนกัน
“วิญญาณธาตุ” เป็นธาตุรู้แท้ ๆ หรือเรียกว่า “ใจ” นั้นน่ะ มันเป็นธาตุที่ว่างเปล่า ไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่างไม่มีอะไรปรากฏเลย แต่มี “ความรู้” อยู่ในธาตุของเค้าเองโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด
แล้วเค้าก็มาประกอบกับธาตุดิน ซึ่งเป็นผมขนเล็บฟันหนัง เนื้อเอ็นกระดูก ตับไตไส้น้อยไส้ใหญ่ ม้ามตับปอดหัวใจ ที่เรากินซากพืชซากสัตว์ผสมเป็นธาตุดิน เข้าไปเติม
มาผสมกับธาตุน้ำ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำปัสสาวะ
มาผสมกับธาตุลมหายใจเข้าออก ลมเรอ ลมตด
มาผสมกับธาตุไฟ เป็นความร้อนความอบอุ่น
มาผสมกับ “ธาตุอากาศ” ซึ่งเป็นความว่าง แล้วก็ธาตุรู้ก็มาแทรกซึม
“ธาตุอากาศ” และ “ธาตุรู้” จะแทรกซึมอยู่ภายในทุกธาตุ เพราะว่าเค้าเป็นความไม่มีตัวตนไม่มีอะไร เป็นความว่างเปล่า จึงแทรกซึมอยู่ในธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และแทรกซึมอยู่ในธาตุอากาศนั้นเอง
“ธาตุรู้” จึงอยู่ในทุกที่ อยู่ในทั้งธรรมชาติภายนอกและทั้งธรรมชาติภายใน เมื่อตายแล้ว ขันธ์ห้าแตกดับแล้ว “ธาตุรู้” ก็ไปอยู่ในทุกที่ อยู่ในทุกธรรมชาติ อยู่ในทุกธาตุ อยู่ในทุกที่เลย
ดังนั้นในหนังพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ตอนจบตอนที่พระอานนท์ไปเดินอยู่ที่ชายหาด แล้วก็เสียใจอยู่ เศร้าเสียใจ ก็มีเสียงพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
อานนท์... เธออย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลย ตถาคตไม่ได้เกิดไม่ได้ตาย ที่มีรูปร่างเกิดตายเพียงแต่เป็นสิ่งที่ปรากฏและเปลี่ยนร่างไปเรื่อย
แต่ตถาคตที่แท้จริง คือ ธาตุรู้ที่แท้จริง ไม่เคยเกิดไม่เคยตาย ไม่เคยแตกดับทำลาย อยู่ในทุกที่ อยู่ในธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อยู่ในทรายที่เจ้าเดิน อยู่ในแสงแดดอยู่ในอากาศ อยู่ในลมที่พัดโดนตัวเจ้า อยู่ในใบไม้ที่เจ้าถือ อยู่ในร่างกายจิตใจของเจ้า อยู่ในร่างกายจิตใจของทุกคนของทุกชีวิต
“ธาตุรู้” นั้นเป็นอมตะและก็มีอยู่แล้วในพระพุทธเจ้า มีอยู่แล้วในพระอรหันต์ทั้งหลายพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย มีอยู่แล้วในปุถุชน มีอยู่แล้วในสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ธาตุรู้นี้มันมีธาตุเป็นธาตุประจำที่อยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว ผสมกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ แล้วเปลี่ยนรูปร่างไป แต่ “ธาตุรู้” เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขามีอยู่แล้ว
แต่รู้ไม่ทัน “ขันธ์” บัง “ธรรม” เอาขันธ์ห้าเนี่ยมาบัง ทำให้มองไม่เห็นเขา ไม่รับรู้เขา แต่เขามีอยู่แล้ว
ไม่ใช่พอเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ธาตุรู้เพิ่งจะมีธาตุรู้สร้างขึ้นมา เป็นพระอรหันต์แล้ว ธาตุรู้เพิ่งจะสร้างขึ้นมา
“ธาตุรู้” นั้นมีอยู่แล้ว แต่ความไม่รู้เท่าทันเป็น “อวิชชา” เอาขันธ์ห้ามาบัง บังธรรมหมด
“ใจ” เป็นธาตุรู้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเกิดดับ ไม่เคยแตกทำลาย มีอยู่แล้วในร่างกายในจิตใจนี้ มันมีอยู่แทรกซึมอยู่ในทุกธาตุ ไม่ได้เป็นของที่ไปหาขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เป็นของที่สร้างขึ้นมาใหม่
แต่ “ขันธ์ห้า” รูป เวทนา สัญญา สังขาร โดยเฉพาะ วิญญาณขันธ์ ซึ่งมันเกิดดับ ที่ไปรับรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจแล้วเอาเจตสิก เวทนา สัญญา สังขาร เอามาพูดเอามาพากษ์อยู่ในใจ ... ทำให้ไม่พบใจเลย ... มันบังหมด
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190316A1-3 พ้นจากกริยาเป็นอกริยา
16 มีนาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=_1XeHYR_xwE