บทสนทนาระหว่างองค์หลวงตากับลูกศิษย์ (คุณหมอกอล์ฟ และคุณอาทิตย์)
คุณหมอกอล์ฟ : คือหนูจะถามว่า... ที่หลวงตาบอกว่าให้ตัดใยให้ขาด ถ้าแบบว่าหนูนั่งคิดว่าหนูจะต้องตัดใยให้ขาดเนี่ย คอยนั่งดูความคิดที่มันแว๊บขึ้นมา มันก็เหมือนกับว่า.. ความคิดอื่นเนี่ยมัน.. กับปล่อยวางทุกขณะปัจจุบัน มันควรจะทำแบบไหน
แต่ว่ามันก็ได้คำตอบว่า... เห็นอะไรก็ปล่อยวางอันนั้น ก็คือเห็นปัจจุบัน ปล่อยวางปัจจุบัน.. น่ะค่ะหลวงตา
คุณอาทิตย์ : คือจริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องไป “ตัด” อะไร เพราะว่าถ้าเราไปตัดอะไรก็คือ มันจะมี “ตัวเรา” ที่ไปตัด
แต่จริง ๆ แล้วคือ... มันต้องตัด “ตัวเรา” ออกไป!!!
มันก็จะเป็นธรรมชาติจริง ๆ ของมัน ถ้าเรามัวแต่ว่าไปไล่ตัดทีละใย... ละใย เดี๋ยวมันก็จะเหลือ “ใยสุดท้าย” และสุดท้ายก็จะเหลือ “ตัวเรา” เป็นผู้ตัด
แต่จริงๆ ก็คือให้มองกลับว่า “ตัดตัวเราทิ้งไป” ไม่ใช่ไปตัดทีละใย มันก็จะขาดทั้งหมด หัวขบวนมันก็จะไม่มี
หลวงตา : หมอกอล์ฟไม่ถามต่อว่า... อ่ะ ไม่ใช่เอาตัวเราไปตัดลูก ตัดสามี แต่ “ตัดความหลง” ว่ามีเรา มีตัวเรา มีตัวตนของเรา ตัดว่า “มีตัวเราพยายามจะไปตัดอยู่” ไม่ถามล่ะว่า เอ้า...ถ้าอย่างนั้นจะตัดตัวเรายังไง?
คุณหมอกอล์ฟ : มันตัดตัวเราไม่ได้อ่ะค่ะ เพราะว่ายังไงตัวเรามันก็ไม่มีอยู่แล้ว แล้วก็มันเหมือนกับว่า... มันก็คือเข้าใจว่า ก็ปล่อยวางทุกอย่างที่มันเป็นตัวเราทั้งหมดเลยอ่ะค่ะ
ก็คือความคิดที่เกิดขึ้นก็วาง ความสงสัยก็วาง ความอยากจะไปตัด หรืออยากจะทำอะไรก็วางทั้งหมด เพราะทุกอย่างมันก็เป็น “สังขาร” ทั้งหมดเลย เพราะยิ่งไปทำมันก็ยิ่งเป็นสังขาร
ที่หนูเข้าใจ.. หนูเข้าใจแบบนี้ หนูก็เลยเหมือนกับว่า.. ก็เลยไม่รู้จะถามอะไร เพราะว่ามันเป็นความเข้าใจแบบนี้ขึ้นมาค่ะหลวงตา
หลวงตา : ไม่รู้จะถามอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าจะ “ตัด” อย่างไรให้ “ขาด” ใช่มั้ย? ตัดหมายถึงว่า ตัดความหลงว่ามีตัวเรา ว่ามีตัวตนของเราที่จะไปอยากไปตัด หลงว่าแล้วเราจะตัดตัวเรายังไง ให้มันสิ้นความเป็นตัวเราในใจเรา
มันยังไม่ขาดจริงนะตรงนี้... อาทิตย์...ฟันซิ!!!
คุณอาทิตย์ : คือจริง ๆ “การตัดตัวเรา” ก็คือ การเห็นความเป็นจริง ว่าในตัวเราจริง ๆ มันเป็นเพียงแค่ความคิดความรู้สึก แล้วเราก็หลงไปกับว่า “มันมีตัวเราจริง ๆ จัง ๆ” แล้วเราก็สร้างใยต่าง ๆ ที่เราไปยึดสิ่งข้างนอกน่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้าง แล้วเราก็จะเอา “ตัวเราที่มันไม่ได้มีอยู่จริง ๆ” เนี่ยไปตัดกับ “ของไม่มีอยู่จริง”
สุดท้ายก็คือเราก็อยู่ใน “วังวนของความคิด ความรู้สึก” และก็หลงไปกับสิ่งที่มันไม่ได้มีอยู่จริง
คนที่จะไปตัดก็ไม่ได้มีอยู่จริง ๆ
ใยต่างๆ ก็ไม่ได้มีอยู่จริง ๆ
หรือแม้แต่ตัวเราผู้จะไปตัด หรือผู้ไปปล่อย ผู้ไปวาง มันก็ไม่ได้มีอยู่จริง ๆ
การตัดมันก็คือ “การเห็นความจริงในความจริง” ที่มันเป็นปกติของมันอยู่อย่างนั้นน่ะครับ
คุณหมอกอล์ฟ : ทีนี้การที่เราจะเห็นความจริงแบบนั้นได้เนี่ย คือหมายถึงว่าเราก็ต้องมีสติที่จะรู้ความจริงแบบนั้นตลอดใช่มั้ยคะ?
คุณอาทิตย์ : คือจริงๆ มันก็จะเห็นได้ในปัจจุบันขณะเนี้ยอ่ะครับ เพราะหากเราค้นไปจริง ๆ ในปัจจุบันขณะว่า... ตัวเราจริง ๆ หรือว่า “ความคิด ความรู้สึกว่าเป็นตัวเราจริง ๆ” เนี่ย มันอยู่ตรงไหนของร่างกายหรือในจิตใจเรา มันก็จะได้คำตอบว่า... มันมีจริง หรือไม่มีจริงในปัจจุบันขณะ
แต่ว่าไม่ได้ “หมาย” ว่าจะต้อง “ไปทำ” ให้มันมีความรู้สึกว่า “มันไม่ได้มีอยู่จริง”
แต่คือเห็นในปัจจุบันขณะว่า... มันมีอยู่จริง หรือมันไม่ได้มีอยู่จริง แล้วมันก็จะ “ลงกับใจ” ของเราเอง เพราะมัน “เห็นความจริงในปัจจุบัน” นี่นะ
คุณหมอกอล์ฟ : แต่ทีนี้ถ้าเราดูค้นหาความจริงเนี่ย มันก็เหมือนกับเราก็หมกมุ่นครุ่นคิดเข้าไปข้างใน เพื่อที่จะไปค้นหาความจริงตรงนั้น จนไม่ได้มีสติอยู่กับปัจจุบันน่ะค่ะ
คุณอาทิตย์ : คือทันทีที่เราจะเข้าไปคิดค้นหานั่นน่ะครับ ก็คือ “ตัวเรา”... อันนั้นน่ะคือ “ตัวเรา” ก็คือเราเห็นตัวนั้น ก็คือตัวเรามันก็จะไม่มีแล้วในปัจจุบัน
มันจะเห็นในขณะจิตเดียวที่มันเกิดขึ้นมา แล้วมันก็เห็นไปพร้อมกัน เพราะว่าตัวที่เห็นหรือว่าตัวที่รู้ที่ตัวเคลื่อนไหว มันเป็นความรู้โดยธรรมชาติ “ตัวเรามันเป็นสิ่งที่ถูกรู้” อ่ะครับ
คือธรรมชาติจริง ๆ แล้วมันมีอยู่ 2 อย่าง ตัวเราจริง ๆ มันเป็น คือ “ตัวเคลื่อนไหว” แต่ธรรมชาติอีกธรรมชาตินึง มันก็รู้... รู้ของมันว่าเราเคลื่อนไหวอะไรในใจอยู่
คุณหมอกอล์ฟ : หมายถึงว่าเห็นผู้รู้ทุกขณะปัจจุบันอย่างงั้นป่ะคะ หรือว่าเห็นกิริยาอาการของจิตที่มันกระดุกกระดิก ที่มันคิดจะเริ่ม จะทำนู่นทำนี่ ใช่มั้ยคะ?
คุณอาทิตย์ : คือสิ่งที่เราจะเห็นได้ก็คือ “สิ่งที่เคลื่อนไหว” สิ่งที่เคลื่อนไหวมันก็คือ “กิริยาอาการของจิต” ของเราอ่ะครับ ที่มันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
แต่คนที่รู้ก็คือผู้ที่รู้เรา เราจะไม่สามารถจะไปรับรู้มันได้ เพราะมันก็คือ “ใจ” ของเรา มันคือหน้าที่ของมันคือมัน “รู้กิริยาอาการของจิต” อย่างเดียว
เพราะฉะนั้น ก็คือมันก็จะเป็นธรรมชาติสองอย่างแค่นี้น่ะครับ เราไม่จำเป็นต้องไปเพิ่ม “ตัวเรา” ที่จะต้องไปตัดไปวางอะไร มันจะเป็นธรรมชาติที่เป็นปกติของมันอยู่... อยู่อย่างนี้อ่ะครับ
คุณหมอกอล์ฟ : ถ้าอย่างงั้นก็เหมือนกับว่า... ที่หลวงตาบอกว่าให้ตัดใยให้ขาดเนี่ย แล้วเราก็คือแค่ทันความคิดที่ว่า เราจะเริ่มคิดที่จะไปตัดมัน เห็นว่าความคิดอันนี้น่ะก็เป็นแค่ความคิดปรุงแต่ง ที่มันปรุงแต่งเพื่อหลอกให้เราไปทำนู่นทำนี่ต่อ ใช่มั้ยคะ?
คุณอาทิตย์ : ครับ... ก็คือผู้ที่เริ่มคิดที่จะกระทำอะไร ก็คือมันเป็นการเริ่มของ “กิริยาอาการของจิต” ก็คือมันจะเป็น “สิ่งถูกรู้” เรื่อยไป
ไม่ว่าเราจะเริ่มคิดที่จะทำอะไร หรือว่าตัดอะไร หรือว่าจะปล่อยวางอะไร สิ่งเหล่านั้นก็คือมันเริ่มจากความคิด มันก็คือกิริยาอาการของจิต ซึ่งมันก็คือเกิดอยู่ในใจของเราอยู่แล้ว ธรรมชาติมันก็จะมีอยู่แค่นี้
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190228B-1 เห็นความจริงในความจริง
28 กุมภาพันธ์ 2562
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/CqrzJ1vdbSA
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/190228b-1
ดาวน์โหลด (คอมพิวเตอร์) :
http://bit.ly/2ERAQiJ