เสี้ยววินาทีเดียว จะไปหาเหตุหาผลกับมันให้ได้ มันก็กลายเป็นว่า
มันมี "ตัวเรา" เป็นผู้เข้าไปหาเหตุหาผล... เพื่อประโยชน์ตัวเรา
ที่เราจะไปได้อะไร จะไปเอาอะไร
จะไปบรรลุอะไร จะไปสำเร็จอะไร
มันก็เลยกลายเป็นว่าเราเดินทางอยู่ในฝ่ายกิเลส
เป็น "อวิชชา ตัณหา อุปาทาน"
คือ เดินทาง "ตรงข้าม" พระนิพพาน
เราก็เลยทุกข์เลยเครียด
เราทุกข์เพราะว่าเราเป็นผู้กระทำภายในใจ
เมื่อสิ้นการแอบกระทำอะไรภายในใจ
เพื่อ "ผลประโยชน์" ตัวเรา
ใจมันก็ค่อย ๆ สรุปได้ และมันรู้ได้เห็นได้ด้วยใจของตัวเอง ด้วยเหตุผลของมันเองเลยว่า ... อ้อ ... ด้วยเหตุผลตื้น ๆ ง่าย ๆ อย่างนี้เลยว่า...
มีความ "ทุกข์" ก็เพราะมี "สมุทัย" หรือเหตุให้เกิดทุกข์ ก็เพราะว่าความคิด ความดิ้นรน ความปรุงแต่ง ความดิ้นรนทะยานอยาก มันเลยเป็น "สมุทัย" เป็นทุกข์
"เหตุแห่งทุกข์" ทั้งมวลดับก็เพราะว่า "เหตุแห่งกิเลสตัณหา" มันดับ
ความดิ้นรน ความทะยานอยาก ให้มันถึงให้มันได้ให้มันเป็น ให้มันบรรลุให้มันสำเร็จ
กลัวว่าเดี๋ยวจะไม่สำเร็จ กลัวว่าจะเป็นโน่นเป็นนี่
คือ ความดิ้นรนทะยานอยากในใจน่ะ มันหายไป
ความทุกข์ทั้งมวลมันก็เลยหายไป
"ทุกข์" กับ "สมุทัย"
"มรรค" กับ "นิโรธ" มันก็อยู่คู่กัน
คือ พอดิ้นรนขึ้นมาจะเอาๆ จะเป็นกิเลสตัณหาขึ้นมา ความทุกข์ก็เกิด
ความดิ้นรนกระเสือกกระสนที่เป็นกิเลสตัณหาดับไป
ความทุกข์ทั้งมวลก็ดับไป
ธรรมะมันก็ตรงไปตรงมา
"เหตุแห่งทุกข์" มีอยู่ "ความทุกข์" ย่อมมีอยู่
"เหตุแห่งทุกข์" ดับไป "ความทุกข์" ทั้งมวลก็ดับไป
"ตัณหา" เป็นเหตุแห่งทุกข์
ตัณหาเป็น "สมุทัย" ใหญ่
ตัณหา "ดับ" ความทุกข์ทั้งมวล ภพชาติ การเวียนว่ายตายเกิดทั้งมวลดับพร้อมหมดเลย
"... ตัณหักขะโย นิโรโธ โหติ ... "
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190225-1 ตัณหาดับ ทุกข์ทั้งมวลก็ดับพร้อม
25 กุมภาพันธ์ 2562
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/Yohhjw6qT7o
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/190225-1a
ดาวน์โหลด (คอมพิวเตอร์) :
http://bit.ly/2tQsBND