เห็นสังขารเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แต่ “รู้แก่ใจ” ว่าไม่มีใครไปยึดถือสังขารนั้น ในใจเรามีสังขารเกิดดับอยู่ตลอดเวลา สังขารทั้งหมดเป็นทุกข์... ในเมื่อตัวเราขันธ์ห้าทั้งแท่งนี่เป็นตัวทุกข์ เราจะเอาตัวเราไปหาความสุขได้อย่างไร... ไม่มีหรอก!!!
ที่เรารู้สึกว่าตัวเราเป็นสุข... ว่าง... อันนั้นแสดงว่าเราไม่เห็นตัวเรา มันผิดแล้ว!!! เพราะตัวเราขันธ์ห้าเป็นตัวทุกข์ เราต้องเห็นทุกข์ เราจึงเห็นธรรม คือเห็นว่าความทุกข์นี่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่นเลย มันเป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็นว่ากายสังขาร วาจาสังขาร จิตตสังขารเป็นทุกข์ ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น จึงเป็นนิพพานนะ ไม่ใช่ว่านิพพานคือมีตัวเราไปถึงนิพพาน อันนี้เป้าหมายมันกลับด้านกัน
“นิพพานคือสิ้นยึดถือขันธ์ห้า” ถึงจะเป็นนิพพาน แต่เราจะเอาตัวเราขันธ์ห้าไปเอานิพพาน ไปเป็นความว่าง มันกลับด้าน... มันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าตัวเราเป็นทุกข์ เมื่อเห็นตัวเราเป็นทุกข์ “สิ้นยึดตัวเรา” จึงนิพพาน
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายพ้นทุกข์เพราะสิ้นอุปาทานขันธ์ห้า ไม่ใช่ว่าเอาขันธ์ห้าไปเป็นนิพพาน เอาขันธ์ห้าไปถึงนิพพาน เอาขันธ์ห้าไปถึงวิสังขาร... ไม่ใช่... มันกลับด้าน
ปล่อยวางขันธ์ห้า เห็นขันธ์ห้ามันปรุงแต่งตลอดเวลาแล้วมันเป็นทุกข์ ไม่เข้าไปยึดถือมัน เมื่อใดที่เราเห็นว่าตัวเราเป็นสุข ตัวเราว่าง อันนั้นผิดทาง เพราะว่าขันธ์ห้ามันทุกข์อยู่ เราไปเห็นว่าเป็นสุขได้ยังไง
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
180907B-8 มีความอยากในความรู้
7 กันยายน 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/79BavKulOiU