วิสังขารนั้นเราไปหมายไม่ได้ เพราะมันไม่มีที่หมาย ไม่มีสัญลักษณ์ ไม่มีตัวตน ไม่มีการเกิดดับ ไปหมายไว้ว่ามี “ตัวเรา” ไปเป็น “วิสังขาร” มันเลยไปติด “ช่องว่าง” ที่ไม่ได้เป็นวิสังขาร เพราะมีตัวเราไปติดช่องว่าง
คำว่า “ว่าง” คือ มันว่างจากตัวตน ว่างจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ไม่ใช่ว่าไปเป็นวิสังขาร ไปเป็นความว่าง คือว่างจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน “กับอะไร”
คือไม่มีตัวตนไปอุปาทานกับอะไร ไม่มีตัวตนไปอยากได้อะไร ไปปรารถนาอะไร จะไปเอาอะไร
ตอนนี้มันมีตัวเราปรารภนา มีตัวเราอยากได้ “วิสังขาร” มันเลยกลายเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน มี “ตัวเรา” เป็นอวิชชา มี “ตัณหา” ต่อ “วิสังขาร”
คือมีความอยากจะนิพพาน อยากเป็นวิสังขาร สุดท้ายแช่ ไม่ได้เป็นว่างหรอก... “แช่ว่าง”
ที่จริงคำว่า “ว่าง” คือมันว่างจากตัวตน ว่างจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ว่างจากมี “ตัวเรา” ที่จะไปเอาอะไร ไปเป็นอะไร คือ ว่างจาก “ความอยาก” ว่างจากตัณหา ก็ว่างจากอวิชชาด้วย ถ้ายังมีอวิชชาก็มีตัณหา ว่างจากอวิชชา ก็ว่างจากตัณหา ว่างจากตัณหา ก็ว่างจากอวิชชาด้วย
สรุปก็คือ ว่างจาก “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน” ไม่มีอวิชชา ตัณหา ก็ไม่มีอุปาทาน ถ้ามีอุปาทาน ก็จะมีอวิชชา และ ตัณหา
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
180907B-8 มีความอยากในความรู้
7 กันยายน 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/79BavKulOiU