ความไม่รู้ก็เลยจม พอรู้ตัวซะแล้วก็แล้วไป ธรรมทั้งหลายก็เปลี่ยนไป ๆ มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จะเปลี่ยนอันใหม่ไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไปจมกับสิ่งใดก็ไม่เปลี่ยนซะที มันก็ไปจมอยู่อย่างนั้น แต่พอไม่จมแล้ว เดี๋ยวมันก็จะมีธรรมใหม่ ๆ มาให้รู้ ให้เห็น แต่ก็ยึดไม่ได้... ก็ต้องผ่านไป ๆ ถ้ายึดปุ๊บ... จม!!! และก็ไม่รู้ไม่เห็นธรรมอันอื่นเลย
ถ้าไป “ยึด” อะไรปุ๊บ... ติดแค่นั้นแหละ แล้วก็ไม่รู้ไม่เห็นธรรมอันอื่นที่ผ่านมา ๆ ๆ ธรรมอะไรผ่านมา ๆ มันก็จะสูงขึ้น ละเอียดขึ้น ชัดเจนขึ้นอย่างไรก็ผ่านไป ๆ ๆ... ผ่านมาผ่านไป... ผ่านมาผ่านไป แต่ถ้าอันไหนผ่านมา... คว้าไว้ปุ๊บ... ไม่รู้เห็นอันอื่น จมอยู่กับอันนั้น เรียกว่า “ความโลภ” พออะไรผ่านมาปุ๊บ... อันนี้ชอบ คว้าไว้ เลยไม่ได้อันอื่นเลย
เพราะฉะนั้น... ถ้าผ่านมาผ่านไป มันก็ไม่มีอะไร ก็จะมีอันใหม่มาให้ได้รู้ ได้เห็น ได้เป็นเรื่อยไป แล้วก็ไม่ติดไม่ยึด ก็จะผ่านมาผ่านไป ได้แค่รู้เห็น ไม่ไปเป็น ไม่หลงไปเป็น ไปยึด ไปจับเขา ก็ผ่านมา แล้วผ่านไป ธรรมทั้งหมดพระพุทธเจ้าก็ไม่ให้ยึดถือ... ให้ปล่อยวาง...
“สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ”
ธรรมทั้งมวลไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น
ให้ปล่อยวางผ่านไป แล้วพระพุทธเจ้ายังตรัสอีกว่า... แม้แต่นิพพานยังไม่ใช่ของเรานะ ไม่ใช่มี “ตัวเรา” ไปยึดถือนิพพาน เรานิพพานแล้วก็เสร็จเลย!!! กลายเป็นมี “เรา” อีก ก็ต้องผ่านมาแล้วผ่านไป
“ผ่านมาแล้วผ่านไป” ไม่ใช่ว่าจับไปทิ้งขว้าง เหมือนกับเอาเด็กใส่เอวมา แล้วเอาไปทิ้งขว้าง... มัน “รู้อยู่” ว่านิพพานแล้วก็ไม่มีใครไปยึดนิพพานนั้น จึงเป็นนิพพานที่บริสุทธิ์จริง ๆ ไม่มีผู้ยึด ก็ได้แต่ “แค่รู้”
แม้แต่นิพพานแล้วนะ!!! ยังไม่มีผู้ยึดนิพพาน คือ “สักแต่ว่ารู้” เหมือนกัน
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
180907B-9 แค่รู้แค่เห็นแต่ไม่ไปเป็น
7 กันยายน 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/drqJh1j2vds