ทุกอย่างที่เป็นตัวเรา .... แท้จริง คือ ธรรมชาติโดยแท้จริง
ไม่มีอะไรเป็นของเราจริง มันเป็นภาพมายาลวงตาเสมือนจริง
แต่ความจริงไม่มีใครสักคนที่ยึดถือเอาไว้ได้จริง
เพราะทุกสิ่งมันเป็นของธรรมชาติ ยืมธรรมชาติเขามาใช้เป็นขันธ์ห้าชั่วคราว ให้ได้โลดแล่นในโลกนี้ทั้งสุข ทุกข์ ปนเศร้า เมื่อหมดเวลา ธรรมชาติเขาก็ทวงคืนจนหมด
ทุกคนนี่ก็แปลก !!!
จากไม่มีตัวตน ก็เริ่มมีตัวตนขึ้นมา
จากไม่มีครอบครัว ก็เริ่มมีครอบครัวขึ้นมา
จากไม่มีตำแหน่ง ลาภ ยศ ทรัพย์สิน ก็เริ่มมีตำแหน่ง ลาภ ยศ ทรัพย์สินขึ้นมา
จากไม่แก่ ก็เริ่มแก่ขึ้นมา
จากไม่เจ็บป่วย ก็เริ่มเจ็บป่วยขึ้นมา
จากไม่ตาย พลัดพรากจากทุกสิ่งที่มี ก็ตาย พลัดพรากจากทุกสิ่ง
จากไม่มี .... มีแล้ว .... ก็กลับคืนสู่ความไม่มี
แต่ทุกคนเหมือนกับจะไม่ตาย ไม่พลัดพรากจากสิ่งที่มี
ทั้งชีวิตหมดไปกับการแสวงหาให้ได้มา แล้วยึดถือ หวงแหนไว้ จนตาย
แทบไม่มีเวลาหาความสุข ความสงบให้ใจของตนเองเลย
จนถึงวาระสุดท้าย ธรรมชาติเขาก็ทวงคืนจนหมดสิ้น
อุตส่าห์ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา มีไตรสรณคมณ์ครบ และมีผู้ชี้แนะทางพ้นทุกข์
แต่มีชีวิตอย่างเป็นโมฆะจนตาย
***** หากมีความเป็นอยู่โดยไม่ประมาทในกิเลส
ไม่ประมาทในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว
ก็มีโอกาสพ้นทุกข์ในปัจจุบัน ได้
สาธุ สาธุ สาธุ
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562