"... หลงสังขารคือเอาความคิด ความปรุงแต่งของขันธ์ห้า หลงยึดถือขันธ์ห้าว่าเป็นตัวเรา เอาความคิดความปรุงแต่งในขันธ์ห้า มาปรุงว่าเป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา และพยายามที่จะรักษาตัวเราไม่ให้หลงสังขาร ไม่ให้ไปเป็นผู้ action ไม่ให้ไปเป็นผู้กระทำ ให้มาเป็นผู้รู้ พยายามปรุงแต่งตัวเราให้เป็น "ผู้รู้" ไว้ ไม่ให้ไปเป็นสังขาร คือให้มาเป็นวิสังขาร
คือพยายามเอาสังขารในขันธ์ห้า มาปรุงแต่งตัวเราให้เป็นวิสังขาร คือความไม่สังขาร เป็นผู้รู้ไว้ พยายามไม่ให้ไปเป็นผู้คิด ผู้ปรุงแต่ง... ก็คือหลงสังขารอยู่ดี !!!
ก็ไม่เป็นไร... ถ้าเกิดมันไปหลงทำแบบนั้น เราก็เห็นว่าไอ้ผู้ที่หลงไปแบบนั้นมันเป็น "สังขาร" เมื่อรู้เท่าทันซะแล้ว และไม่หลงไปตามเขา มันก็จะไม่หลงสังขาร และไม่เป็นอวิชชา
ถ้าเราหลงสังขารเมื่อไหร่ ก็เป็นอวิชชาทันที !!!
สังขารมีอยู่ แต่ไม่มีผู้หลงไปอะไร ๆ กับเขา... ไม่เป็นอวิชชา สังขารมีอยู่ ชีวิตยังไม่ดับ ร่างกายจิตใจเรา ขันธ์ห้าเป็นสังขารทั้งหมด สังขารมีอยู่ แต่ไม่พยายามไปอะไร ๆ กับเขา และก็ไม่พยายามรักษา รั้งตัวเราไว้ไม่ให้ไปอะไร ๆ กับเขา ถ้าอย่างนี้ก็จะไม่เป็นอวิชชา
แต่ถ้าเราพยายามจะรั้งตัวเราเพื่อไม่ให้ไปเป็นสังขาร อย่างนี้เราเนี่ยซ้อนเข้าไป กลายเป็นอวิชชาซ้อนเข้าไปเลย
ถ้าเข้าใจทุกปัจจุบันขณะ และรู้ และเห็นด้วยใจของเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นแค่จำ และรู้เห็นปฏิกิริยา รู้เห็นกระบวนการภายในจิต ที่หลวงปู่ดูลย์ว่า... พฤติแห่งจิต หรือพฤติกรรมของจิตที่แสดงในปัจจุบันขณะ
เหมือนอย่างที่หลวงตาสอน... แล้วเราก็รู้ เห็น ไม่หลงจริง ๆ และถ้าหลงก็รู้ทัน... หลงคือหลงสังขาร หลงไปทำอะไรกับสังขาร แค่หลงก็รู้เท่าทันซะ... แต่ถ้าไม่หลงก็แสดงว่าเป็นผู้รู้แล้ว
ไม่ใช่ว่าต้องรักษาตัวเราให้เป็นผู้รู้... ถ้าเราพยายามรักษาตัวเราให้เป็นผู้รู้ อันนั้นแหละคือเป็นทั้งหลงสังขาร และเป็นอวิชชา คือมีตัวเราทันทีเลย... ตรงนี้ละเอียดมากนะ มันเป็นขณะจิตเลย
ถ้าสังขารธรรมดา ไม่มีตัวเราหลงไปเป็นสังขาร สังขารนั้นก็เป็นแค่สังขารในขันธ์ห้าธรรมดา ไม่เป็นอวิชชาในวงจรปฏิจจสมุปบาท
แต่ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน หลงไปเป็นสังขารนั้น หรือหลงพยายามไปจัดการสังขารนั้น หรือหลงเอาตัวเราหนีออกจากสังขารนั้น อย่างนี้ไม่ใช่สังขารธรรมดานะ กลายเป็นหลงสังขารที่เป็นปฏิจจสมุปบาท เข้าไปเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทานเลย มีอุปาทานต่อขันธ์ห้า อันนี้หนักเลย !!!
สังขารในขันธ์ห้าธรรมดา ไม่ได้เป็นกิเลสและความทุกข์ใดๆ จะเป็นกิเลสและความทุกข์ในสังขารได้ต่อเมื่อมี "ตัวเรา" เข้าไปเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทานต่อสิ่งนั้น..."
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
ธรรมะจากไฟล์เสียง : 180907B-4 ไม่หลงไปกับสังขาร