ธรรมชาติภายนอก และภายในร่างกายจิตใจ ก็มีเพียงสองชนิดเท่านั้น คือ “สังขาร” หรือ สิ่งปรุงแต่ง เช่น ดวงอาทิตย์ โลก ดวงดาวทุกดวง อุกกาบาต ทุกอย่างที่บินหรือเคลื่อนที่ได้ทั้งหมดในอากาศ ทั้งสิ่งที่มีชีวิต ได้แก่ นก แมลง และสิ่งที่ไม่มีชีวิต ได้แก่ เครื่องบิน ยานอวกาศ รูป รวมทั้งร่างกายและอวัยวะทั้งหมด เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ได้แก่ ความรู้สึก นึก คิด ตรึกตรองปรุงแต่ง และอารมณ์ต่าง ๆ อายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (ส่วนที่เป็นทวารหรือประตู) ขันธ์ห้า ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ (ผู้รู้)
สรุปแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็น “สังขาร” ทั้งหมด
ยกเว้น “วิสังขาร” เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ไม่มีตัวตน ไม่มีแม้แต่ตัวจิตตัวใจ ไม่มีรูปร่าง ไม่มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ ไม่สังขาร หรือ ไม่ปรุงแต่ง คือ ไม่ปรากฏการกระเพื่อมหรือเคลื่อนไหว ไม่ปรากฏอะไรเกิดดับเลย ไม่มีการไป ไม่มีถอยหลัง ทั้งไม่หยุดอยู่
ธรรมชาติทั้งภายนอกร่างกายจิตใจ และ ธรรมชาติ ภายในร่างกายจิตใจ จะมีการทำงานตามธรรมชาติเหมือนกัน คือ สังขารทั้งหมด เกิดดับในวิสังขาร ซึ่งทั้งสังขาร และ วิสังขารเขาเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของธรรมชาติ
ในธรรมชาติก็ไม่มีเรา ตัวเรา หรือ ของเรามาแต่แรก
คงมีแต่ผู้ที่มีความโง่หรืออวิชชา ที่หลงยึดถือธรรมชาติทั้งสังขารและวิสังขารว่า เป็นเรา เป็นตัวเรา หรือ เป็นของเรา
ซึ่งจะมีผู้หลงยึดถือ (อวิชชา ตัณหา อุปาทาน) หรือ ไม่มีผู้หลงยึดถือก็ตาม
“ธรรมชาติก็คงเป็นเช่นนั้น” คือ สังขารเกิดดับในวิสังขาร
เพียงแต่ว่าถ้าใครโง่หรือมีอวิชชา ก็จะหลงยึดถือว่ามีตัวเรา ไปหลงยึดถือสิ่งต่าง ๆ
“เมื่อเขาหลงยึดถือธรรมชาติ ที่ไม่มีใครจะบังอาจยึดถือไว้ได้ตลอดไป เขาย่อมเป็นทุกข์
จนกว่าจะหายโง่หรือสิ้นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ก็จะไม่มีผู้ทุกข์”
ไม่มีใครเป็นเจ้าของธรรมชาติ
คือของธาตุที่มาปรุงแต่งรวมกันขึ้นเป็นขันธ์ห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือ ร่างกายและจิตใจรวมถึงผู้รู้
หรือ
อีกนัยหนึ่ง ธรรมชาติของสังขาร และ วิสังขาร ที่เป็นร่างกายและจิตใจ นี้ ไม่ได้เป็นตัวตนของเรา ไม่ได้เป็นเรา หรือ ของเรา หรือ
ไม่มีเราที่เป็นตัวตนคงที่มาแต่แรกแล้ว
หรือ
มีแต่ธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีตัวเราเป็นส่วนเกินของธรรมชาติ
ไม่มีตัวตนของเราอยู่จริง
คงมีแต่ธรรมชาติปรุงแต่ง (สังขาร) เกิดดับในธรรมชาติ ที่ไม่ปรากฏอะไรเลย (วิสังขาร) ไม่มีเรา ตัวเรา ของเราในสังขารและวิสังขาร
คงมีแต่ธรรมชาติเขาดำเนินไปเช่นนั้น
เมื่อไม่หลงผิดว่ามีเรา ตัวเรา หรือ ของเราในธรรมชาติ ก็ไม่มีผู้ทุกข์ทั้งในปัจจุบัน อนาคต และไม่มีตัวเรา ไม่มีภพชาติต่อไป
เพียรพิจารณาให้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนใจเข้าถึงความจริง เขาจะปล่อยวางของเขาเอง ไม่ใช่เราเป็นผู้ปล่อยวาง
ต้องพิจารณาซ้ำ ๆๆๆๆ .......... จนใจสิ้นหลงยึดมั่นถือมั่นว่ามีเรา ตัวเรา ของเรา
โอวาทธรรมหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561