ธรรม หรือ ธรรมชาติ ......
เงียบ สงบ สงัด งดงาม ลงตัว
โดยไม่ต้องปรุงแต่งของเขาเองอยู่แล้ว
แต่เรานี่ซิ !!! ที่มันไม่สงบ ไม่ลงตัว ไม่สิ้นปรุงแต่ง
แม้ธรรมทั้งหลายจะไหลออกมา
มากมายเพียงใด ....
ก็ไม่พ้นความไม่มีอะไรปรากฏ
นั่นแหละ คือ ... "ที่สุดแห่งทุกข์"...
ที่สุดแห่งธรรม คือ "ความไม่มี"
ไม่มีอะไรให้ยึดถือได้ แม้แต่ผู้ยึดถือ
"ความไม่มีอะไร"
ไม่ใช่ความว่างเปล่าแบบไม่มีอะไรเลย
แต่มี "ความรู้" อยู่ในนั้น
เป็นรู้จริง รู้แจ้ง รู้พ้น รู้สิ้นยึด
เป็นรู้ที่ไม่มีอะไรปรากฏ
เป็น "ธาตุรู้ที่บริสุทธิ์"
"ความว่าง" จึงไม่ใช่ "รู้"
แต่เป็นสิ่งที่ถูกรู้ และไม่มีความรู้
ส่วน "รู้" ที่รู้ความว่างนั้นมันไม่ปรากฏอะไรเลย
พระอริยเจ้าทั้งหลายอยู่กับ "รู้"
ไม่อยู่กับความว่าง
ความไม่มี "ตัวเรา" หรือ "ของเรา"
หลงเหลืออยู่ในใจ
คือความเป็นอิสระอย่างแท้จริง
สัจธรรมอันเป็นนิรันดร์
อยู่เหนือสมมุติบัญญัติทั้งปวง
เหนือกว่าคำพูดใด ๆ
เหนือ … จนไม่มีที่หมาย
ไม่มีสิ่งใดปรากฏ
ใจที่สิ้น "อวิชชา"
เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรปรากฏ
ไม่มีเนื้อที่ให้ "สิ่ง" ใดแฝงได้เลย
"สิ่ง" ที่ไม่มีอะไรปรากฏนี้
เป็นสิ่งที่ "รู้" ได้ แต่ไม่มีตัวตนของผู้รู้
ไม่มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ใด ๆ
ไม่ใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ
ไม่ใช่ความว่าง ไม่ใช่อรูปฌาน
ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง
ไม่เกิดดับ ไม่ปรุงแต่ง
ไม่มี "การไป" ข้างหน้า
ไม่มี "การมา" ข้างหลัง
ทั้งไม่มี "การหยุดอยู่"
ไม่อาจถูกทำลายได้
นี่แหละ คือ "ที่สุดแห่งทุกข์"
เมื่อสิ้นความหลงปรุงแต่ง
หรือสิ้นอวิชชา ตัณหา อุปาทานแล้ว
ใจก็เป็น "ธาตุรู้ที่บริสุทธิ์"
เป็นธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง
ไม่ปรากฏการเกิดดับ
ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปพรรณสัณฐานใด
ไม่มีแม้แต่ ... "ตัวจิตตัวใจ"
จึงไม่อาจ "ยึดถือ" สิ่งใดให้เป็นทุกข์ได้อีกต่อไป
ความทุกข์อันยาวนานในสังสารวัฏ
- สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ -
โอวาทธรรมหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561