ปรารภเหตุจากโอวาทธรรม "หลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล"
จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด
จิตคิด จิตถูกทำลาย จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย
จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรารถนา จิตถูกทำลาย จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกทำลาย
ทิ้งทั้งหมด รู้หมด ทิ้งหมด ได้หมด
ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้เลย ไม่ทิ้งเลย ไม่ได้เลย
ทรงจิตเข้ามรรคจิต แล้วจิตพิจารณาจิต
รู้ธรรมในจิต แล้วถนอมมรรคจิต
จงทำให้ชำนิชำนาญ
จิตอบรมจิต รู้ธรรมภายในจิต แล้วอบรมธรรมในธรรมภายในจิต
ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดยังไม่รู้ รู้แล้วไม่ต้องคิดก็เกิดปัญญา
เอาธรรมมาอบรมธรรม ร้ธรรมในธรรม
เอาธรรมชาติมาปฏิบัติธรรมชาติ ให้รู้ธรรมชาติในธรรมชาติ
เอาธาตุมาปฎิบัติธาตุ ให้รู้ธาตุในธาตุ
เอาธรรมอบรมในธรรม เอาจิตอบรมจิต ให้รู้ธรรมภายในจิต
รู้แล้วละวาง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย
และไม่ยึดมั่นธรรมต่าง ๆ
ธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
บาปบุญเปรียบเหมือนมายา
เกิดขึ้นแล้วดับ ปล่อยทิ้งทั้งสอง
มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สิ้นแห่งความรู้ หุบปากเงียบ อิ่มในธรรม
ธรรมเติมธรรม ไม่มีธรรมนั่นคือธรรม
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 1 : อ่านจากธรรมของหลวงปู่ดูลย์น่ะค่ะ
ไม่มีธรรม นั่นแหละ คือ ธรรม แท้จริงคือไม่มีอะไรเพราะแม้แต่ธรรมก็ยึดไม่ได้ ในจิตนี่ต้องทิ้งให้หมดใช่ไหมคะ
หลวงตา : ให้รู้ขึ้นมาเองจากใจ โดยไม่มีตัวใจ ไม่มีตัวผู้รู้ ไม่มีจุดหรือแหล่งกำเนิดของผู้รู้ว่าทุกปัจจุบันขณะจิต "จิตตสังขาร" ปรากฏกิริยา หรือ อาการขึ้นมาเองจากความไม่มี แล้วดับกลับคืนสู่ความไม่มี โดยไม่มีเจตนา จงใจ พยายาม ตั้งใจจะเข้าไปดูจิต
แต่ถ้าปัจจุบันขณะมีกิริยา หรือ อาการเจตนา จงใจ ตั้งใจ มีความพยายามจะเข้าไปดูจิต ก็รู้ออกมาจากใจโดยไม่มีตัวตนของผู้รู้ ไม่มีแหล่งกำเนิดของผู้รู้ว่ากิริยา หรืออาการเหล่านั้นเป็นสังขารที่เกิดเอง ดับเอง...
"ไม่มีตัวเราในสังขาร และ ในวิสังขาร
ไม่มีดวงจิตใจของเรา"
แต่ที่มีความคิดปรุงแต่ง หรือ รู้สึกว่ามีตัวเรา ของเรา ขึ้นมาในปัจจุบันขณะ ก็ให้รู้เห็นจากใจว่า เป็นเพียงกิริยา หรือ อาการของสังขารปรุงแต่ง เกิดเอง ดับเอง จากความไม่มีอะไร
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : น้อมกราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ
น้อมกราบธรรม “หลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล”
ไฟล์เสียง “ จิตในจิต ธรรมในธรรม ตอน 1,2,3”
ขอโอกาส พ่อแม่ครูอาจารย์เจ้าค่ะ
ธาตุรู้คือความไม่มีอะไร แต่แทรกซึมไปในธาตุทุกธาตุจึงเป็นความรู้ (อมตะ)
เห็นว่าความมีตัวตนของเราเป็นความปรุงแต่งอยู่กับความไม่มีอะไรไม่เป็นอะไร ไม่ยึดถือเพราะมันยึดถือไม่ได้ อยู่กับธาตุรู้
สิ่งที่รู้เอง “รู้” (พุทธะ) เขารู้เองโดยหาเหตุไม่ได้ว่าทำไมรู้ เกิดขึ้นมา
ในขณะนั้น “รู้ “ ที่เป็นเราขึ้นมาพร้อมกันในเสี้ยววินาทีนั้น (สังขาร ของจร ปรุงแต่ง อวิชชา ตัวเรา กู , สติ สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้นพร้อมกัน) ในเสี้ยววินาทีนี้ เขาดับโดยไม่รู้ว่าทำไมดับทั้งที่ไม่ได้บังคับให้ดับ เพราะบังคับไม่ได้
อยู่กับ 2 รู้นี้ไปทุก ๆ ขณะจิต จนบางทีมันแยกไม่ออกว่า รู้พุทธะ กับ รู้สังขาร คือตัวไหน แต่ไม่ไปจ้อง เพ่ง และค้นหา และไม่ใช่เขาไปดู แค่รู้ว่าสิ่งที่มีกิริยา อาการ ขยับได้มันเป็นแค่สังขารทั้งหมด แค่รู้อาการทั้งหมดในขณะที่อยู่กับ "แค่รู้" (อกิริยา)
แต่ถ้าหลง "กู" หลงไปเป็นสังขารปรุงแต่ง อันนี้คือจิตส่งออกนอก ! จะตามอารมณ์ อาการที่เกิดในสังขาร สติสัมปชัญญะจะเป็นตัวดึงให้กลับมาอยู่กับกาย กับใจ
ในการอยู่กับชีวิตปัจจุบัน ความรู้ความเข้าใจ และเห็นทุกสิ่งอย่างเป็นของจรทั้งหมด เขาเกิดขึ้น เขาก็ดับไป เกิด ดับ... ดับ เกิด... เร็วมาก อยู่ในความไม่มี (ใจ จิตเดิมแท้ พุทธะ)
"สังขาร" ปล่อยให้สังขารไป "วิสังขาร" ปล่อยให้เป็นอมตะไปในทุก ๆ ปัจจุบันขณะ ธรรมมีแค่ปัจจุบันเฉพาะหน้า เข้าใจธรรม รู้ธรรม ธรรมก็หายไป ความอยากยึดครอง "พุทธะ" เอาไว้ถาวร (เมื่อได้พบได้เจอแว้บ ๆ ครอบครองไม่ได้ ยิ่งอยากให้อยู่ สังขารปรุง ๆ ยึด และ ทุกข์ทันที เพราะอยาก และ ไปฝืนการเกิดดับ ของสังขาร)
ใช้ “กู” ให้เกิดประโยชน์ใน “รู้” สังขาร เพื่อเห็นจริงตามความเป็นจริง ให้สิ้นหลง ยึดไม่ได้ แค่เขาทำงานออกมาเป็นสมมุติตามอัตโนมัติที่เขาเป็น
ไม่หลงเอาตัวตน “กู” เข้าไปวิ่งดับสังขารที่เกิดดับในความไม่เกิดดับ อาการ เบา สงบ สบาย ที่แสดงออกมาทางจิต ก็เป็นสังขารอยู่ดี แต่อาการที่ไม่ยึดในอาการ สงบ เบา สบาย นี้จะรู้เอง มันไม่ใช่ความรู้สึกที่มีผู้กระทำเข้าไปปล่อยวาง
แต่อาการที่รู้เองว่าไม่ยึดในสิ่งนี้ หรือ สิ่งนั้นจะสะท้อนออกมาเป็นอาการจิตเบิกบานไม่กระเทือนกับทุกกิริยา อาการ ไม่ว่าจะดี ไม่ดี หรือ เฉย ๆ แล้วทุกอาการ ผ่านไป ดับไปเร็วมาก ไม่ต้องไปวิ่งตาม ดู รู้ เห็น แต่แค่ “รู้”
"พบธรรมแท้"... แต่ขณะจิตเดียวหลงยึดเป็น "ธรรมปลอม" สติ สมาธิ ปัญญา จะเป็นตัวช่วย
แค่ขณะจิตเดียว แค่เห็นจริง ยอมรับจริง ว่า
“กู” สังขารล้วน ๆ ชั่วคราว มายา สมมุติ แต่ต้องอาศัยกู (สติ สมาธิ ปัญญา) ปฏิบัติศึกษาธรรมะ เพื่อจะเข้าใจสัจธรรม ธรรมชาติ ตามธรรมดาของเขาของ สังขาร วิสังขาร แล้วปล่อยเขาทำงานอย่างอิสระ , อนัตตา
น้อมกราบหลวงตาในความเมตตาไม่มีประมาณเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ หลวงตาเจ้าค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 3 : เมื่อเช้ามันแจ้งเรื่องธรรมที่หลวงปู่ดูลย์ ท่านกล่าวไว้ว่า
จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด
จิตคิด จิตถูกทำลาย จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย
จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรารถนา จิตถูกทำลาย จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกทำลาย......
จิตที่คิดได้ ปรุงแต่ง ดิ้นรน แสวงหา คือ ธรรมชาติฝ่ายสังขาร เขาเกิดดับตามธรรมชาติ เมื่อเกิดขึ้นมามันก็ทำลายตัวเองสลายหายไปโดยที่ไม่มีใครต้องไปทำลาย
จิตที่ไม่คิด คือ ธรรมชาติฝ่ายวิสังขาร เขาไม่เคยเกิดเขาจึงไม่ดับ ไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่มีการดิ้นรน แสวงหาใด ๆ
ตอนที่ฟังไฟล์หลวงตาขยายธรรม มันเข้าใจแต่เป็นสัญญาเจ้าค่ะ เพราะหลงมีตัวเราเข้าเป็นตัวตั้งต้น อยากรู้อยากเข้าใจ เป็นเรารู้เจ้าค่ะ พอพ้นความอยาก ความพยายาม จงใจ ตั้งใจ จิตมันพิจารณาของมันเอง มันแจ้งของมันเอง กระบวนการทุกอย่างมันเดินของมันเอง มัน "รู้เรา" เจ้าค่ะ
หนูปัญญาน้อย อาจจะช้าเจ้าค่ะ แต่ขอเกาะติดรถไฟไม่ปล่อยเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากสนทนากับคณะศิษย์
วันที่ 19 พฤษภาคม 2563
~~~~~~~~~~~~~~~
แนะนำสื่อธรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อความถึงใจ :
ไฟล์เสียงแนะนำ “ธรรมภาคปฏิบัติอันละเอียดลึกซึ้ง (2)
https://www.facebook.com/1673177422937156/posts/2579995975588625/
ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม : ไฟล์เสียง วีดีโอ และโอวาทธรรม เรื่อง “ธรรมภาคปฏิบัติอันละเอียดลึกซึ้ง”
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2020-02-06-08-06-17/item/5335-05-may11-63-dama-info-23
ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม : ไฟล์เสียงสนทนาธรรม “คุณหมอศรีวิไล บุลสุข (อายุ 91 ปี)”
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2020-02-06-08-06-17/item/5291-05-may03-63-dama-info-22
หนังสือที่สุดแห่งธรรม ๑
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-19-49/2017-11-12-10-51-16/item/5270-2020-04-29-09-24-24
หนังสือ "สัจธรรม"
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-19-49/2017-11-12-10-51-16/item/5390-2020-05-21-14-42-14
~~~~~~~~~~~~~~~