โยม 1 : น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
ที่หนูเข้าใจ คือว่า การเพียรให้รู้อย่างละเอียดนั้น จิตจะต้องทรงฌานเจ้าค่ะ
ตอนนี้เลยเพียรรู้ลมหายใจให้ละเอียดในกองลม ไม่ทิ้งลม ซึ่งเมื่อก่อนลมมันไม่มี แต่พอต้องรู้ลม ในความไม่มีลม มันมีความไหวเล็ก ๆ แต่แล้วก็เหมือนทุกข์ที่กายจะเกิดดับยุบยิบไปหมด ยุบยิบ ๆ ในความว่าง
มันเหมือนต้องตัดใจเรียนเพิ่ม ไม่ใช่ "วาง" แบบเมื่อก่อนเจ้าค่ะ
บวกกับคลิป "พิจารณากาย" ที่ไล่องค์ฌาน วิตก วิจาร ปีติ สุข อุเบกขา ก็น้อมนำมาเพียรตาม โดยใช้ลมหายใจเป็นเครื่องล่อเจ้าค่ะ จะเพียรให้มาก ได้ผลอย่างไร หนูจะกราบส่งรายงานนะเจ้าคะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
องค์หลวงตามีสิ่งใดชี้แนะเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : เพียรมีสติ ปัญญา สักแต่ว่ารู้เห็นชัดเจนอย่างนั้น นั่นแหละ แต่ก็เพื่อมีความรู้เห็นเข้าใจละเอียดชัดเจนในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของกายในกาย (รวมทั้งลมหายใจเข้าออก) เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ทั้งหยาบ ปานกลาง ละเอียด ละเอียดที่สุด จนกระทั่งรู้เห็นปล่อยวางสังขารที่คิดปรุงแต่งยึดถือเป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของของเรา ซึ่งเป็นสังขารที่ละเอียดที่สุด
สติ สมาธิ ปัญญา จึงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ
"จิตหรือใจบริสุทธิ์" เป็น "เอโกธัมโม" หรือ "เอกะธัมโม" แล้ว
"ใจบริสุทธิ์" จะเป็นผู้รู้เห็นความมีในความไม่มี ซึ่งเป็นธรรมชาติอยู่คู่กันตลอดเวลา โดยไม่มีตัวตนของผู้รู้อีกต่อไป เพราะความหลงว่ามีอัตตาตัวตนเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของของเรา มีเราเป็นผู้รู้ ผู้เห็น ผู้เข้าใจ ผู้รู้แจ้ง มันได้ถูกปัญญาวิมุตติรู้เท่าทันว่าความเป็นตัวตนของเรา เป็นเพียงสังขารปรุงแต่ง จึงถูกปล่อยวางไปหมดแล้ว
รู้แจ้งแก่ใจว่า
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ สังขารา ทุกขา
สัพเพ ธัมมา (ทั้งสังขาร และ วิสังขาร) เป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
ธรรมทั้งสังขาร และวิสังขาร ไม่มีตัวตนของผู้ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
โยม 1 : น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ
ไม่ว่าองค์หลวงตาจะเมตตาชี้แนะอย่างไร หนูรู้อย่างถึงใจได้ว่าสิ่งที่องค์หลวงตาเมตตาชี้แนะนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ตัวหนูเอง และประโยชน์แก่พระศาสนา ไม่มีแม้นิดนึง น้อยนึง ที่เคลือบแคลงใจเลยเจ้าค่ะ
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านออกมาจากองค์หลวงตา เป็นการกระทำให้เห็นได้ หรือ แม้สิ่งนั้นจะเห็นไม่ได้ แต่มันสัมผัสรู้ที่ใจ คงมีแต่ความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้
หนูขอให้ "สัจจะ" จะเพียรตามที่องค์หลวงตาเมตตาสั่งสอน จะเพียร "เต็มกำลัง" อย่างที่สุดโดยไม่มีเงื่อนไขเจ้าค่ะ
น้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : กราบหลวงตาเจ้าค่ะ
ไฟล์เสียง กสิณธาตุในตัวเรา กับ อานาปานสติ (สมถะ-วิปัสสนา) ดีมาก ๆ เจ้าค่ะ
ขอโมทนากับน้องฟ้าใสด้วยเจ้าค่ะ น้องเค้าเป็น ตัวอย่างที่ดีของผู้หมั่นเพียรปลูกสร้างร่มโพธิ์ร่มไทรให้เกิดกับตัวเอง เป็นผู้มีวาสนาบารมี มีของเก่าติดตัวมา ต่อไปจะได้เป็นผู้เกื้อกูลพระศาสนา ทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
ฟังแล้วรู้สึกปลื้มใจมาก เพราะน้องเค้าอายุแค่ 9 ขวบเท่านั้น ส่วนตัวลูกก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง จึงต้องเพียรเร่งปลูกร่มโพธิ์ร่มไทรให้เกิดกับตัวเองให้ได้ เพราะสังขารเป็นของไม่เที่ยง มันแสดงความเสื่อมสลายให้เห็นอยู่ตลอดเวลาเลยเจ้าค่ะ
ไฟล์เสียงอานาปานสติ (สมถะ - วิปัสสนา) รวมถึงไฟล์ เสียงอานาปานสติอย่างละเอียดทั้ง 2 ตอน องค์หลวงตาเมตตาสอนได้อย่างละเอียดชัดเจน ดีมากเลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่วิธีเริ่มปฎิบัติ รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ทั้ง การฝึกกักลม การกระจายลม และการขยายลม ไปจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็น ประสบการณ์โดยตรง ฟังแล้วมีประโยชน์ เป็นอีกหนึ่งไฟล์เสียงที่สุดยอดมาก ๆ เจ้าค่ะ
ขณะที่ลูกเปิดฟังก็ได้พิจารณาดูลมหายใจเข้า-ออกตามความจริงไปด้วย (โดยไม่ให้ไปไล่ตามลม) มีสติคอยกำกับจิต อยู่กับลมหายใจ ทำอย่างที่หลวงตาสอน คือหายใจเข้าให้ท้องพองจนถึงท้องน้อย และหายใจออกให้ท้องแฟ่บ คือรู้ ลมหายใจเข้าออกเคลื่อนไหวไปตามความจริง คือรู้ว่าเดี๋ยวลมก็หยาบ เดี๋ยวลมก็ละเอียด รู้ลมทุกปัจจุบันขณะไปเรื่อย ๆ จนมันอิ่มเอิบ ซ่านไป ทั่วตัว
เห็นเวทนาเกิดขึ้น คือมันมีความพอใจเจ้าค่ะ ก็รู้ สติก็มากำกับจิต ให้จิตมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกอีก สักพักก็เห็นความสงบเกิดขึ้น จิตผู้รู้ไม่มีการคิดปรุงแต่งใด ๆ เกิดสมาธิตั้งมั่นได้ง่าย ไม่ฟุ้งซ่าน เหมือนกายใจได้รับการชาร์จพลังอย่างเต็มที่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากเจ้าค่ะ
อานาปานสติจึงเป็นสุดยอดกรรมฐาน โดยใช้การรู้ลมหายใจ เป็นเครื่องล่อจิตโดยมีสติคอยกำกับจิต เมื่อหลงส่งจิตออกนอก หลงไปปรุงแต่ง ก็รู้ทัน ทำให้พิจารณาสติปัฎฐาน 4 ในหมวด กาย เวทนา จิต และ ธรรม ได้ชัดเจน
เห็น กายในกาย
เวทนา ใน เวทนา
จิต ใน จิต
ธรรม ใน ธรรม
ในความไม่เที่ยงของฐานทั้ง 4 เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว่าไม่มีตัวตนของเราอยู่จริง ตรงส่วนไหนเลย
ด้วยอำนาจ ของอานาปานสติ จึงเห็นลมเคลื่อนไหว แต่ใจ ไม่เคลื่อนไหวไปตามจิต ใจจึงได้แต่รู้ เมื่อจิตสงบ เห็นจิตเกิดดับในใจที่ไม่เกิดดับ ใจจึงได้แต่รู้ โดยไม่มีตัวตนของเราในความรู้ หรือ มีผู้รู้ ไปยึดใจนั้น มาเป็นเจ้าของ จึงเป็นใจที่บริสุทธิ์ เป็นนิพพานเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตา ขององค์หลวงตา ที่มีต่อลูก อย่างไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
16 กุมภาพันธ์ 2563
หมายเหตุ : ฟังไฟล์เสียงเพิ่มเติมประกอบโอวาทธรรมจากยูทูป
200209B-1 พิจารณาให้ละเอียดเพื่อเกื้อกูลตนเองและผู้อื่น
https://youtu.be/K710odcDxHo
200208A-1 กสิณธาตุในตัวเรา
https://youtu.be/fmTm4A-Qmyc
200208A-2 อานาปานสติ (สมถะ-วิปัสสนา)
https://youtu.be/hktlx3BmLPo
~~~~~~~~~~~~~~~