คำว่าภาวนา ในขั้นสมถะ ก็เอาอะไรเป็นเครื่องล่อไว้อย่างหนึ่ง คือจิตใจมันฟุ้งซ่านไปหลายอย่าง หลายเรื่องหลายราว ไปหาอดีตไปหาอนาคต ฟุ้งซ่านไปหาคนนั้นคนนี้ ส่งจิตออกนอกไป ฟุ้งซ่านไปทั่ว ก็ให้มันเหลืออย่างเดียว
เหลืออย่างเดียวอะไรล่ะ? พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ 40 อย่าง ก็เลือกเอาสักอย่างที่ถูกจริตนิสัยเรา ใน 40 อย่างที่พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ เช่น พุทโธ พุทโธ พุทโธ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรม ระลึกถึงพระอริยสงฆ์ นึกถึงคุณของพระองค์ คุณของพระพุทธ คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ ระลึกถึงบุญกุศลที่เราได้ทำมา ให้มันอยู่ในใจเราสักอย่างหนึ่งก่อน อยู่ในใจให้ได้
หรือพิจารณาอสุภกรรมฐาน ความสกปรกของร่างกาย ในร่างกายหนังหุ้มขี้แผ่นเดียวนี่ หนังหุ้มขี้แผ่นเดียว
ตัวเราหนังหุ้มขี้แผ่นเดียว
ถ้าหนังเจาะรูมา ไม่ว่ารูไหนในตัวเรา เจาะรู ขี้ไหลทุกรู
เจาะรูตา ขี้ตาไหลออกมา เจาะรูจมูก ขี้มูก เจาะรูปาก ขี้ฟันออกมา เจาะหู ขี้หู เจาะรูเหงื่อ เจาะรูตามผิวหนัง รูเหงื่อ มีขี้เหงื่อออกมา เจาะรูที่ศีรษะ ก็ขี้รังแคไหลออกมา เจาะรูทวารหนักทวารเบา เหม็นหนักเลยอันนี้ ขี้ไหลออกหมดเลยทีนี้
หนังหุ้มขี้แผ่นเดียวปกปิดเอาไว้ ปกปิดความจริงไว้ข้างใน เหมือนตุ๊กตาที่เอาอุจจาระปัสสาวะบรรจุไว้ข้างใน แต่ดูข้างนอก เขาทำตุ๊กตาซะสวยงาม สวย หล่อ แต่จริง ๆ ข้างใน บรรจุขี้ไว้ บรรจุอุจจาระ ปัสสาวะไว้
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า เราได้ตุ๊กตาหล่อมาตัวหนึ่ง ได้ตุ๊กตาสวยมาตัวหนึ่ง ถ้าเรารู้สึกจากใจจริง ๆ เรารู้แก่ใจจริง ๆ รู้สึกจากใจจริง ๆ ว่า ข้างในเป็นอุจจาระ บรรจุอุจจาระปัสสาวะไว้เต็มเลย เราจะปล่อยมันไปเองเลย ไม่มีใครต้องบอกว่า การปล่อยทำยังไง การปล่อยวางทำยังไง ไม่ต้องพูดถึงว่าการปล่อยวางทำยังไง ทิ้งโครมเลย!
แล้วจะปล่อยวางได้ ก็รู้ความจริง เห็นความจริง การที่เราจะพิจารณาให้รู้ความจริง เห็นความจริงได้ จิตต้องมีกำลังก่อน ต้องเหลือหนึ่งเดียวก่อน ถ้ามันฟุ้งซ่านมากหลาย ไปหลายประการเนี่ย จิตไม่มีกำลัง ไม่มีกำลังที่จะพิจารณา เพราะว่ามันคิดฟุ้งซ่าน
ที่หลวงตาไปสอนต่างประเทศ หลวงตาสังเกตเห็นอย่างหนึ่ง คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเข้าโบสถ์ ไม่ค่อยได้สนใจธรรมแล้ว ไม่ว่าศาสนาใด เขาอยู่ได้ยังไงเวลาเขาไม่มีศาสนา บางประเทศเขาก็ประกาศเลย ไม่มีศาสนา แต่เขาอยู่ได้ยังไง คือชีวิตอยู่ได้เพราะว่ากลางวันก็มีงาน มีงานเป็นเครื่องอยู่ งานหาอยู่หากินเป็นเครื่องอยู่ พอกลับบ้านมีครอบครัวเป็นเครื่องอยู่
ชีวิตก็มีงานเป็นเครื่องอยู่ กลางวัน และกลางคืนก็กลับมาบ้าน มีชีวิตครอบครัว เป็นเครื่องอยู่ เมื่อใดที่ธุรกิจของโลกล่มสลาย คนตกงานโดยไม่รู้ตัวเยอะ ถูกไล่ออกถูกปลดออก เขาจะทุกข์มากเลย เพราะว่าไม่มีอะไรเป็นเครื่องอยู่ ธุรกิจล่มสลาย จะอยู่ยังไงทีนี้ ใจจะอยู่ยังไงทีนี้ เพราะว่าทุกอย่างก็พิบัติหมด
บังเอิญพ่อแม่ลูกทะเลาะกันมา 3 วันไม่พูดกัน ครอบครัวแตกแยก แล้วเขาก็ตกงานพอดีเลย บวกกับครอบครัวก็แตกแยกพอดีพร้อมกันเลย โอ้โห้... เขาทุกข์ที่สุดในโลก เขาบอกเขาทุกข์ที่สุดในโลก
เพราะอะไร? เขาไม่มีอะไรเป็นเครื่องอยู่***
เราก็เอาสักอย่างหนึ่งเป็นเครื่องอยู่ เราก็ปฏิบัติเอาสักอย่างเป็นเครื่องอยู่ เครื่องอยู่ที่พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ 40 อย่างในพระกรรมฐาน กรรมฐาน 40 เราก็เอาเป็นเครื่องอยู่สักอย่างหนึ่ง เลือกเอาเครื่องอยู่ที่เราถูกใจ เอามาสักอย่าง
แล้วเราก็นึก นึกไว้อย่างหนึ่งในใจเรา นึกไว้อยู่อย่างเดียว นึกไว้
การนึกเนี่ย มันจะมี 2 ประเภท
คือ คนเราเวลาคิดอะไร หรือนึกอะไร นึกเป็นภาพ คนจำนวนมากที่นึกเป็นภาพ
คนอีกประเภทหนึ่งคือนึกเป็นภาพไม่ออก คือนึกคิดอะไร คิดเป็นความรู้สึก เป็นความรู้สึกอย่างเดียว ไม่เป็นมโนภาพ
แต่ถ้านึกเป็นมโนภาพ แล้วก็ติดตาติดใจ ตั้งไว้ในใจได้ เค้าเรียก "อุคหนิมิต" คือหน่วง หน่วงไว้ได้ แล้วไม่หายไป ถ้าหน่วงไว้ได้แล้วไม่หายไป นึกแล้วหายไปยังใช้ไม่ได้นะ!
เราก็นึก เป็นอุคหนิมิต เราก็นึกถึง เช่น อสุภกรรมฐาน ก็พิจารณาให้ต่อเนื่องว่ามันเป็นยังไง หนังหุ้มขี้แผ่นเดียวมันเป็นไง ค่อย ๆ ลอกหนังออก ข้างในเป็นขี้เป็นยังไง บรรจุขี้อะไรไว้ หนังหุ้มขี้แผ่นเดียว ก็ค่อย ๆ พิจารณาต่อเนื่อง ต่อเนื่อง
ถ้าเป็นมรณานุสติ อสุภกรรมฐาน เน่าเปื่อยผุพัง เป็นมรณานุสติความตาย ก็ค่อย ๆ นึกกันต่อเนื่อง ว่าเราตายแล้วจะเป็นยังไง แล้วก็เอาคนที่ตายแล้วเนี่ย ปู่ย่าตายายพ่อแม่พี่น้อง คนที่เราไปงานศพเขา ตายแล้วเขามีสภาพเป็นยังไง เราก็ค่อย ๆ นึกว่าเราก็ต้องมีสภาพเป็นอย่างนี้
ถ้าเรานึกไม่ออกนะ พอตายแล้วเราก็ไปอาบน้ำศพ ไปจับตัวเขา แล้วก็ไปอุ้มเขา เราก็จะรู้แล้วว่า โอ้โห คนตายมีสภาพแบบนี้ ตายแล้วเวลาจะเอามือออกมารดน้ำศพ อื้อหือ... แทบจะหักข้อมือกันออกมาเลย เพราะว่ามันแข็งทั้งหมด เพราะว่าธาตุลม ธาตุไฟมันหนีหมดแล้ว ตัวเย็นชืดเลย เหลือแต่ธาตุดินกับธาตุน้ำ บวมฉุแล้ว... อืด
รดน้ำศพเสร็จแล้วก็เอาใส่โลงนะ พอเขาจะเผา หรือเอาไปฝังเนี่ย ก็บอกให้ญาติพี่น้องเขาเปิดดูหน่อย ดูหน้าตาเป็นครั้งสุดท้าย โอ้โห... เอาสำลีอุดจมูกไว้ เอาสำลีอุดหู ว่าน้ำเลือดน้ำเหลืองมันไหล น้ำเหลืองมันไหลออกมาเหม็นมากเลย เขาฉีดฟอร์มาลีนไม่ดี มันไหลออกมาเหม็นมากเลย ติดตาติดใจเลยอันเนี้ย
เขาเผา ใส่เตาเผา เราก็อย่าให้ปิดฝาเตาเร็วนัก เมรุน่ะ เราก็ไปยืนดู ไฟเผาโชน ติดตาติดใจเรา
ต้องมาเทียบให้เป็นตัวเราให้ได้ว่า เราเองต้องมีสภาพเป็นอย่างนี้ เราต้องมีสภาพแบบนี้ ไม่อาจเป็นอย่างอื่นไปได้ เผาเสร็จเก็บขี้เถ้าเก็บกระดูก มันเป็นยังไง สุดท้ายตัวใหญ่อ้วนขนาดไหน ก็ปั้นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ได้ตัวเดียว ไม่ว่าจะอ้วนใหญ่ขนาดไหน ยากดีมีจน เป็นถึงพระราชา เป็นถึงยาจกเหมือนกัน เผาแล้วก็มีสภาพเดียวกัน ไม่ได้แตกต่างกัน เผาแล้วเป็นขี้เถ้า เอาไปลอยน้ำทิ้ง
เพื่อจะสอนคนเป็นว่า ตอนมีชีวิตอยู่เนี่ย โลภโมโทสันกันมากนัก ที่สุดก็ไม่เหลืออะไรหรอกอย่างนี้ มาจากดินก็กลับคืนสู่ดิน มาจากน้ำก็กลับคืนสู่น้ำ มาจากธาตุตามธรรมชาติ ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ มาจากความไม่มีตัวตนของเราแต่แรก ก็กลับคืนไปสู่ความไม่มีตัวตนของเราเหมือนกัน
ในธรรมชาติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตายแล้วก็เน่าเปื่อยผุพังเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น พืชแก่ต้น ก็ล้มลงเหมือนกัน พอหน้าแล้งใบไม้ก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปเหมือนกัน พลิ้ว ๆ ๆ ๆ พลิ้วตามกันไป ใบเก่าที่ร่วงไปตายอยู่โคนต้น ก็เหมือนปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่น้อง ค่อย ๆ ตายจากไปแล้ว ไปเน่าเปื่อยผุพังอยู่โคนต้น ตัวเราเนี่ยก็เหมือนกับใบแก่แล้วอยู่บนต้น ไม่ช้าก็ร่วงหล่นตามปู่ย่าตายายไป ส่วนใบอ่อน ๆ ที่มาทีหลังก็เหมือนลูกหลาน รุ่นลูกรุ่นหลาน ที่สุดก็กลายเป็นใบแก่ แล้วทุก ๆ ใบก็ร่วงหล่นหมด
อนิจจังไม่เที่ยง อนิจจังไม่เที่ยง!!
ไม่มีสิ่งใดยึดมั่นถือมั่นได้
มันเป็นวิปัสสนากรรมฐานอันนี้ ใจมันก็จะปลงปล่อยวางตามไป ตามที่เราพิจารณาได้
~~~~~~~~~~~~~~~
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
"...ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความมัวเมาในชีวิตมีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนือง ๆ ย่อมละความมัวเมาในชีวิตนั้นได้โดยสิ้นเชิง หรือทำให้เบาบางลงได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความตายไปได้ ฯ..."
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากวีดีโอ “พิจารณากาย ตอนที่ 2 ”
(วีดีโอใช้สำหรับเปิดในคอร์สที่องค์หลวงตาแสดงธรรมเท่านั้น)
หมายเหตุ : ฟังไฟล์เสียงที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อความถึงใจ
191102A1-1 พิจารณากายรู้เท่าทันจิต ตอนที่ 1
https://youtu.be/ntHDemhdJQI
~~~~~~~~~~~~~~~
ติดตามธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์ในปัจจุบันได้ทาง...
วีดีโอช่องทางติดตามสื่อธรรมหลวงตา
https://youtu.be/hW2qyxl-bwU
www.luangtanarongsak.org
FB : เพจหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
Line ID : @luangta.narongsak
YouTube : เสียงธรรมะ หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
YouTube (English) : LuangtaNarongsak Kheenalayo
Instagram : @luangta.narongsak
Podcast / Antenna : หลวงตาณรงค์ศักดิ์
Podbean : Luangta Narongsak
Soundcloud : เสียงธรรมะ หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
ขอรับสื่อธรรมได้ทาง Line ID : @dhammaluangta