ไม่มีใครสามารถดับ “สังขาร” ของขันธ์ห้าได้ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้อง “เข้าใจถึงใจ” ว่า...
“สังขารและวิสังขารมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่มีตัวเราอยู่ในนั้น เพราะไม่เคยมีตัวเรามาตั้งแต่แรก”
การพยายามหาวิธีแก้ไขอาการที่ถูกใจ ไม่ถูกใจ เพราะหลงมีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเรา โดยแอบมีความปรารถนาไว้ในใจว่า...
เมื่อไปดับกริยาอาการทางจิตที่ถูกใจ ไม่ถูกใจ ได้แล้วนั้น
จะมี “ตัวเรา” โล่ง โปร่ง เบา สบาย
เราจะได้ว่างเปล่า หรือ ใจของเราจะว่าง
เราจะพ้นทุกข์... นิพพาน
จริง ๆ แล้วอาการทางใจที่เกิดขึ้นนั้นเป็น... “ปฏิกิริยาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของขันธ์ห้า ที่ตอบสนองกับการรับรู้ของอายตนะทั้งหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ”
อาการเหล่านี้ไม่สามารถดับสนิท หรือดับขาดไปได้ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ !!!
ดังนั้นการพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อไปดับ ปรับปรุง แก้ไข ก็คือ... การที่เรากระโดดติดขบวนรถไฟ เข้าไปเป็น “สังขาร” นั่นเอง
ที่ถูกต้องนั้นให้เข้าใจว่า... อาการที่รับรู้ได้ ทั้งทางกาย ทางจิต ล้วนเป็นแค่... “ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ” เท่านั้น เหมือนฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของมันเอง
อาการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ เป็นอาการของขันธ์ห้าตามปกติธรรมชาติ ซึ่งเป็นนิสัยหรืออนุสัยที่ถูกสะสมมา
การหาวิธีแก้ไข ดัดแปลง ปรุงแต่งอาการที่ไม่ชอบ จนอาการทั้งหมดที่เรียกว่า “สังขาร” หมดไป แล้วพบกับสภาวะที่ดี ที่ถูกใจตามต้องการ เช่น โล่ง โปร่ง เบา สบาย ว่างเปล่าก็ตาม ก็ยังไม่สามารถพ้นทุกข์ได้
เพราะการกระทำเช่นนั้น ยิ่งทำให้ความ “อยากได้” “อยากเอา” “อยากเป็น” เพิ่มขึ้น หรือไปยึดความโล่ง โปร่ง เบา สบาย ความว่างแทน ก็ยังไม่พ้น “หลงยึดถือสังขาร” ให้เป็นทุกข์อยู่ดี
รวมถึงความเข้าใจผิดที่ว่า... ถ้าสามารถดับ “สังขาร” ได้หมดจะกลายเป็น “วิสังขาร”แล้วจะพ้นทุกข์ ทำให้หลายคนมีความดิ้นรน พยายามดับสังขารให้หมด
ที่จริงแล้ว... สังขารกับวิสังขารมันก็อยู่ร่วมกัน ที่เดียวกัน เพียงแต่ทำงานเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีใครสามารถดับ “สังขาร” ของขันธ์ห้าได้ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้อง “เข้าใจถึงใจ” ว่า...
“สังขารและวิสังขารมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่มีตัวเราอยู่ในนั้น เพราะไม่เคยมีตัวเรามาตั้งแต่แรก”
จึงไม่มีใครต้องไปจัดการอะไรกับสังขาร หรือ วิสังขาร !!!
แค่รู้ เห็น เข้าใจการทำงานของสังขารกับวิสังขาร โดยไม่มีตัวตนของผู้ยึดถือ เท่านั้นก็เพียงพอที่จะพ้นทุกข์แล้ว...
แค่นี้เอง แค่นี้เอง จริง ๆ ๆ ๆ … นะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เพียงแค่ดับความดิ้นรนทะยานอยากเสียในใจของท่านเสียเท่านั้น ดับความกระวนกระวายใจ ที่เหลือมันก็เป็น “ความสงบ” เอง
มันช่างเงียบ มันช่างสงบ มันช่างสงัดยิ่งนัก มันว่างเปล่าจากสัตว์ จากบุคคล จากตัวตน จากเรา จากเขา มันไม่มีความดิ้นรนกระวนกระวายใจใด ๆ ไม่มีความปรุงแต่งที่จะเอา หรือไม่เอาอะไร
ความปรุงแต่ง ภาระใด ๆ ทั้งมวล มันหมดสิ้นไป มันถูก “ปล่อยวาง” เหมือนการเดินทางมายาวนาน มันหยุดลง การแบกภาระทั้งหลายในใจ ในกาย ที่แบกภาระมาหนักอึ้งไว้ในใจ มันเหมือนกับ “ถูกปล่อยวาง” ลง และมันก็เงียบ สงบ สงัด ไปทั้งโลกธาตุ ถึงใจ ถึงก้นบึ้งหัวใจ หรือ
“ใจ” นั้นแหละ กลายเป็นความเงียบ สงบ สงัด เป็นหนึ่งเดียวกับโลกธาตุ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากวีดีโอ “ธรรมชาติไม่เคยมีตัวเรา”
วีดีโอยูทูป : ธรรมชาติไม่เคยมีตัวเรา (Thai Version) :
https://youtu.be/7KRhTNuhy1A
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~