ความไม่รู้ตรงนี้ เวลาปฏิบัติธรรมจึงพาตนไปยุ่งวุ่นวายกับธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ พยายามจะทำให้จิตบริสุทธิ์ ทำใจให้บริสุทธิ์ เมื่อเราพยายามอยู่เช่นนี้ พยายาม ๆ อย่างนี้ด้วยความโง่ มันจึงทำให้เสียความบริสุทธิ์ทันที ด้วยความพยายามและความโง่ของเรา
เมื่อหายโง่แล้ว ก็ปล่อยให้ความบริสุทธิ์คงเป็นความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ เมื่อตายแล้วธาตุรู้ก็เป็นความว่างเปล่าไปรวมกับธาตุในธรรมชาติ เป็นความรู้คู่กับธรรมชาติในจักรวาล มีอยู่ในทุกที่อยู่ในธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ ในอวกาศ ในต้นไม้ในภูเขา ในร่างกายจิตใจของดวงจิตวิญญาณทุกดวงอยู่ในธรรมชาตินี้ อยู่ในร่างกายจิตใจของเรา
เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้เราก็สามารถเข้าถึงใจที่เป็น “ธาตุรู้” ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับธาตุรู้ที่สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่นแล้ว ที่เคยอยู่ในขันธ์ห้าของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกที่ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เป็นธาตุรู้ที่เป็นอมตะ อยู่ในธรรมชาตินี้ไม่มีวันแตกดับทำลาย
“พุทธะ” หรือ “ธาตุรู้ที่สิ้นยึดมั่นถือมั่น” สิ้นอวิชชาตัณหา อุปาทาน มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด อวิชชา ตัณหา อุปาทานดับสนิทหมดแล้ว เป็นความบริสุทธิ์กลืนหายไปในธรรมชาติในจักรวาล แต่ไม่ใช่ว่าหายสาบสูญ ไปกลายไปเป็น “ธาตุอมตะ” แต่ไม่ใช่มีตัวตนคงที่อยู่ตลอดไป กลายไปเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างในจักรวาล อยู่ในทุกที่อยู่ในร่างกายจิตใจของท่าน
ธาตุรู้นี้ซึ่งเป็นความรู้ที่สิ้นหลงสิ้นยึดมั่นถือมั่นแล้ว เป็นผู้รู้แจ้ง รู้ตื่น รู้พ้น รู้สิ้นยึด รู้เบิกบาน ไม่มี “ตัวตน” ของผู้รู้แจ้ง รู้ตื่น รู้พ้น รู้สิ้นยึด รู้เบิกบาน แต่เป็น “ความรู้คู่ธรรมชาติที่ไม่มีตัวตน” อย่างเป็นอมตะตลอดกาล แทรกซึมอยู่ในธาตุทุกธาตุ แทรกซึมได้ในทุกสรรพสิ่งเพราะเป็นความว่าง
“พุทธะ” จึงไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้หายสาบสูญ และ “พุทธะ” จึงไม่ได้มีตัวตนมีรูปร่างอยู่ตลอดกาล แต่รวมอยู่ใน “ธาตุ” อยู่ในธรรมชาติ “พุทธะ” จึงอยู่ในทุกที่
ผู้ใดมีศรัทธา มีสติ มีสมาธิ มีวิริยะ ผู้นั้นก็เข้าถึง “พุทธะ” ซึ่งมีอยู่แล้วในธรรมชาติ จงนำศรัทธาของท่านน้อมนำเข้าถึงธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ซึ่งเป็น “พุทธะ”
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ก็คือ “ธาตุรู้ที่บริสุทธิ์” นี้เอง
จงน้อมนำด้วยความศรัทธาของท่านเชื่อมต่อเข้ามา ในธาตุรู้ที่บริสุทธิ์นี้ก็รวมพุทธะบารมี ธัมมะบารมี สังฆะบารมีไว้ครบถ้วน รวมไว้ใน “พลังจิตที่บริสุทธิ์” รวมกับ “พลังธรรมชาติที่บริสุทธิ์” ในธรรมชาติในอนันตจักรวาล ในร่างกายในจิตใจของเราทั้งหมดอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา รอผู้มีบุญวาสนาบารมีมาค้นพบสิ่งนี้ และน้อมนำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน พาตนให้หายโง่ไป ดับมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ดับอวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน ความหลงยึดมั่นถือมั่นเสียหมดสิ้นแล้ว เข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ ที่เคยอยู่ในธาตุขันธ์ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหมดเป็น “เอโกธัมโม หรือ เอกะธัมโม” เป็นหนึ่งเดียวตลอดกาล เป็นอมตะ หรือเรียกว่า “จิตหนึ่ง” หรือ “พุทธะ” ซึ่งไม่มีตัวจิตตัวใจแต่เป็น “ความรู้ที่บริสุทธิ์คู่ธรรมชาติ” ที่ไม่มีตัวจิตตัวใจ ไม่มีตัวตนของผู้รู้
ท่านก็สามารถที่จะเข้าถึงธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ เมื่อธาตุขันธ์แตกดับแล้ว ก็จะไม่มีตัวตนของเราที่เป็นกายโปร่งแสงกระเด็นออกมา ทุกข์โศกเศร้าเสียใจคับแค้นใจร้องห่มร้องไห้หน้าศพตัวเอง แล้วถูกยมทูตเขาลากเอาไปลงโทษ จิตวิญญาณที่เป็นตัวตนเป็นกายโปร่งแสงดับหายไปเหมือนดั่งเปลวไฟที่สิ้นเชื้อ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
191230A1-1 พลังบริสุทธิ์จากธาตุรู้บริสุทธิ์
30 ธันวาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
~~~~~~~~~~~~~~~