สืบเนื่องมาจากโอวาทธรรม องค์หลวงปู่หลุย จันทสาโร เรื่อง “เขียงเช็ดเท้าพระอาจารย์มั่น” มีเนื้อหาดังนี้
เขียงเช็ดเท้าพระอาจารย์มั่น
หลวงปู่กล่าวอย่างถ่อมองค์เสมอว่า “เวลาอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น ท่านเป็นประดุจเขียงเข็ดเท้าของท่านอาจารย์ เหมือนผืนหนังที่ก่อนจะถูกฟอกให้อ่อนนุ่ม จะต้องผ่านกรรมวิธีถูกทุบ ถูกตีอย่างหนัก จนกว่าจิตที่กำเริบฟุ้งซ่านจะอ่อนหยวบสยบลง” สำนวนท่านเรียกว่า จิต “กำเริบ”
ท่านแล้วว่า “เมื่อตอนที่มาอยู่กับท่านอาจารย์มั่น ระยะนั้นท่านก็เพิ่งผ่านพ้นสนามทดลองมาใหม่ ๆ จิตกำลังมีกำลังกล้า ได้ฝึกปรือด้านการม้างกายมาทำปฏิภาคนิมิต ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้เล็กลง... เป็นอนุโลมปฏิโลมอย่างคล่องแคล่ว กำหนดรู้จิตคนก็รู้ได้มาก”
ดังนั้น วันหนึ่งอดไม่ได้ ไปแอบม้างกายท่านพระอาจารย์มั่น เห็นแสงแห่งจิตของท่าน กำหนดแยกส่วนออกเป็นชิ้นๆ ส่วน เพราะหลวงปู่ถือตำราอยู่ว่า “หากกำหนดม้างกายใครแล้ว ก็จะรู้จิตผู้นั้น ทรมานจิตคนนั้นให้อ่อนลงได้ ท่านเคยปฏิบัติกับบุคคลอื่นตลอด”
วันนั้นอวดกล้าลองวิชาเอากับครูบาอาจารย์ ถูกท่านอาจารย์เอ็ดกลับมาเสียงดังสนั่นลั่นศาลา แต่วันหลังก็ยังไม่เข็ด ก็ยังแอบดูอีก แอบคิด ท่านเรียกว่า เหมือนบ้า ๆ ขึ้นมาเอง อยากจะดูนักว่าจิตพระอรหันต์เป็นอย่างไร และเช่นเดียวกับครั้งก่อน ถูกเอ็ดเปรี้ยงลงมาเช่นเดียวกัน ความจริงต่อมาในบันทึกท่านได้กล่าวอย่างชัดว่า “การดูบุคคลใด คนไหนมีบุญมีวาสนา มีนิสัยอย่างไร จะเห็นแสงแห่งจิตได้ชัด” นี่ก็เช่นเดียวกัน
วันหนึ่ง ในระหว่างเรียนภาวนา กำลังพูดถึงการปฏิบัติภาวนากับศิษย์ มีศิษย์คนหนึ่ง มีนิสัยออกโลดโผนปรารภถึงเรื่องนี้ วันนั้นท่านก็เผลอคุยให้ฟังว่า “ท่านเองเคยแอบดูจิตท่านพระอาจารย์มั่น โดยท่านใช้วิธีหลายวิธี บางครั้งดูในเวลาสงบเงียบอยู่ ก็เห็นจิตสว่างไสวเป็นธรรมดา ท่านอยากจะคิดว่าพระอรหันต์นั้นมีจิตเป็นอย่างไร จะมีอารมณ์ราบเรียบอยู่เช่นนั้นตลอดไปหรือไม่ ท่านก็ลองใช้วิธีพูดเพื่อจะทำให้ถูกท่านอาจารย์ใหญ่ดุ แล้วก็แอบดูจิตของท่านพระอาจารย์มั่น ท่านบอกว่า เป็นแสงแดงจ้าสว่าง สว่าง แต่ออกข้างแดง”
ความซนของท่านนั้นก็เป็นที่ประจักษ์แก่ท่านอาจารย์อยู่ ถึงถูกทั้งดุทั้งว่าต่าง ๆ ท่านเองเคยเขียนไว้ว่า “ครั้งหนึ่งที่ภาวนาแล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่จะยกโทษเรา แต่เมื่อเห็นรัศมีกายของเรา ก็เลยหยุดอยู่” ท่านกล่าวว่า “นี้ก็เป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่ง” ท่านพระอาจารย์มั่นได้มองเห็นรัศมีกายของท่านก็ไม่ค่อยได้ดุอีกต่อไป หรือต่อหน้าคนอื่นท่านก็ยังดุบ้าง แต่ด้วยความเมตตาอยู่ตลอด
อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงปู่เล่าก็คือว่า ท่านถูกทดลองจิตจากหลวงปู่มั่นอยู่เสมอ บางครั้งถูกดุเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ที่จริงท่านก็ทราบว่าเป็นอุบายหลวงปู่หลุยที่จะแกล้งพูดเพื่อให้ถูกดุ และเพื่อให้ทุกคนได้ฟังเทศน์เสมอกัน บางครั้งท่านไล่ถึงกับบอกว่า “ไอ้ผีบ้า ไปให้พ้น ออกไป ๆ” หลวงปู่ก็เก็บข้าวเก็บของหอบผ้าแล้วเข้ามากราบลา มาถึงแล้วท่านพระอาจารย์มั่นถามว่า “มาทำไม ใครบอกให้ไป เรื่องอะไรกัน” ท่านพูดเสร็จก็อมยิ้ม หลวงปู่ก็ต้องเก็บของกลับอยู่ต่อไป ท่านบอกว่าโดนอย่างนี้ ๒-๓ ครั้ง ครั้งแรกก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนต่อไปก็ทราบว่า
ท่านต้องการจะทดลองใจของศิษย์ ว่าเมื่อการที่ถูกดุถูกว่านั้น ศิษย์ที่เข้ามาหมอบกราบบอกว่า “ขอมอบกายถวายชีวิตต่อท่านพระอาจารย์ตามแต่จะเมตตาสั่งสอนทุกอย่าง กระผมยอมทุกประการ” แต่เมื่อถูกดุถูกว่า ถูกไล่ จิตของศิษย์นั้นแข็งกระด้าง โต้แย้งท่าน อวดดีต่อท่านหรือไม่ ประการใด
แต่ถ้าศิษย์หมอบกราบ จิตหดเข้าสู่ภายในแนบสนิท เวลาที่ถูกดุนั้นจะกลับเป็นธรรมที่วิเศษสุดกลับทำให้จิตรวม จิตอ่อน จิตนอบน้อม จิตควรแก่การงาน เป็นอุบายวิธีของท่านพระอาจารย์มั่นที่ใช้อยู่เสมอกับศิษย์ และหลวงปู่ก็เป็นองค์ที่ถูกทดลอง ดังที่ท่านกล่าวว่า “เป็นประดุจเขียงเช็ดเท้า” ที่ถูกเหยียบย่ำอยู่ตลอดเวลา
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
ที่มา : บูรพาจารย์
ที่มาโอวาทธรรม : FB : Apichat chanpai
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1010683119286797&id=100010353551883
ที่มาโพสต์ : ไทม์ไลน์หลวงตาณรงค์ศักดิ์ Line ID : @luangta.narongsak
https://timeline.line.me/post/_df9A9fT_Rv2xk3vB3rw1dMHhgl-EMiEl_lUPj2k/1157653913407064224
~~~~~~~~~~~~~~~
การบ้านโยม หลังจากได้อ่านโอวาทธรรม
โยม 1 : ขอเป็นเขียงหรือผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้าของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตา ปฏิบัติเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชา จนกว่าสังขารนี้แตกดับเจ้าค่ะ (กราบ) (กราบ) (กราบ)
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : ด้วยความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ช่วยขุดคุ้ยให้ศิษย์เห็นกิเลสของตัวเอง (กราบ)
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 3 : กราบองค์สมเด็จพระบรมครู พระพุทธองค์ผู้เป็นดั่งพ่อผู้ให้กำเนิด
กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่องค์หลวงปู่มั่น มาจนถึงลูกศิษย์ หลานศิษย์ บัดนี้เป็นเหลนศิษย์แล้ว ใน "คติ" ที่พาทำเป็นแบบอย่าง ด้วยเมตตาอนุเคราะห์ชนรุ่นหลัง ไม่ให้ตกไปใน "ธรรมะปฏิรูป" เร็วนัก
กราบองค์หลวงตา พ่อแม่ครูอาจารย์ "พระผู้สอน" ในปฏิปทาเฉพาะองค์ ที่เมตตาสั่งสอนในทุกรูปแบบ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้สัมผัส พระผู้เป็นเหมือนพ่อผู้เลี้ยงดูให้เติบใหญ่
ลำพังตัวศิษย์เอง มิอาจได้ดีด้วยตัวเองได้ เพราะกิเลสตัณหามันข่มขี่เป็นเจ้าหัวใจมานาน ถ้าไม่ได้ความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์สั่งสอน เข่น ทรมานด้วยอุบายต่าง ๆ เห็นจะต้องโง่งมจมวัฏสงสารอีกยาวนานเจ้าค่ะ
วันนี้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้าง ไม่อาจประมาทต่อไปได้ น้อมระลึกอยู่เสมอว่า... ฝ่าเท้าของพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่เหนือเกล้ากระหม่อม จะได้ไม่ลืมเนื้อลืมตัวว่าเป็นเพียงธุลีในขี้เล็บของพ่อแม่ครูอาจารย์เจ้าค่ะ
ขอความเมตตาองค์หลวงตา ดุด่าว่ากล่าวตักเตือนสับโขกต่อไปเจ้าค่ะ
(กราบ) (กราบ) (กราบ)
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 4 : ลูกขอเป็นเขียงเช็คเท้าให้องค์หลวงตานะเจ้าคะ
ขอองค์หลวงตาโปรดเมตตาดุด่าว่ากล่าว สั่งสอนได้ทุกประการเลยนะเจ้าคะ
ลูกขอมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์องค์หลวงตาตามแต่จะเมตตาสั่งสอน ทุกอย่างเจ้าค่ะ ยอมทุกประการเลยเจ้าค่ะ
น้อมกราบแทบเท้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์หลวงตาในความเมตตาอย่างไม่มีประมาณเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
17 ธันวาคม 2562
~~~~~~~~~~~~~~~