สืบเนื่องมาจากโอวาทธรรม องค์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
"ผู้รู้" นั้นเองเป็นสังขารอันละเอียด มีผู้ไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของก็เป็นเหตุเป็นกรรมเป็นวิบาก เป็นภพ เป็นชาติ เป็นอุปาทาน อวิชชา ตัณหา สารพัดจะบัญญัติใส่ชื่อลือนาม
และก็ไม่สำคัญตัวว่าเป็นพระนิพพานด้วย จึงเรียกว่าพระนิพพานทรงไว้ซึ่งพระนิพพาน ธรรมอันนี้เป็นธรรมอันละเอียด และเป็นธรรมสันทิฏฐิโกสุดท้ายของพระพุทธศาสนา ละเอียดมาก
จะเอาโลกและสังขารไปเทียบย่อมไม่ได้ ก็มอบไว้แก่เจ้าตัวแต่ละรายจะรู้ตามเป็นจริง
พระบรมศาสดาจึงยืนยันว่า
เรารู้พระนิพพานตามเป็นจริงของพระนิพพาน แต่เราไม่ติดอยู่ในพระนิพพาน
เรารู้สังขารตามเป็นจริงของสังขาร แต่เราไม่ติดอยู่ในสังขาร (ถ้าเราติดอยู่ในสังขารก็ดีติดอยู่ในพระนิพพานก็ดี ก็เท่ากับว่าเราไม่รู้สังขารไม่รู้พระนิพพาน นกบินในอากาศวันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่ มีดเฉือนน้ำในที่ใด ๆ วันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่)
ด้วยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทั้งหลาย (คำว่า “เรา” ตามสมมติ) อย่าได้มาท่องเที่ยวทะเลหลงนี้อีกเลย ทะเลหลงย่นมาในปัจจุบันแล้ว ข้ามก้าวเดียวสั้น ๆ ก็พอเป็นบุคคลาธิษฐาน ถ้าสำคัญว่าตัวข้ามก็ผิดอีก
ความสำคัญตัวนี่เอง มันเป็นมหากิเลส พร้อมทั้งกองพลด้วย
เหตุนั้นพระบรมศาสดาจึงผลักทิฎฐิของพระโมฆราช ไม่ให้ถามปัญหาก่อนเพื่อน ให้ถามทีหลังหมู่ เพราะเหตุว่ามานพ ๑๖ คนไปถามปัญหา พระโมฆราช สำคัญตัวว่าฉลาดกว่าเพื่อน มันเป็นมหาอุปาทานสำคัญตัว
ท่านจึงให้ถามครั้งที่สาม และจึงให้ถามหลังเพื่อน ๆ ทั้งหลายด้วย พระบรมศาสดาก็เทศน์อนัตตาเพื่อให้พระโมฆราชไม่สำคัญตัวในอัตตา และอนัตตา
สำคัญว่าตนเป็นอัตตา อัตตาเป็นตนก็ไม่ถูก
สำคัญว่าอนัตตาเป็นตน ตนเป็นอนัตตาก็ไม่ถูกอีก
เพราะมันยังมีอุปาทานอันละเอียดอยู่
เหตุฉะนี้พระอนาคามีติดอยู่ในมานะ ๙ มานะ ๙ ข้อนั้นก็คือสำคัญตัวอันละเอียด นั่นเอง
องค์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
ตอบปัญหาธรรมและการปฏิบัติธรรม (เรื่องที่ ๖)
ที่มาโอวาทธรรม : http://www.openbase.in.th/node/2931
ที่มา : โพสต์จากไทม์ไลน์หลวงตาณรงค์ศักดิ์ Line ID : @luangta.narongsak
https://timeline.line.me/post/_df9A9fT_Rv2xk3vB3rw1dMHhgl-EMiEl_lUPj2k/1157649561007067907
~~~~~~~~~~~~~~~
การบ้านโยม หลังจากได้อ่านโอวาทธรรม
โยม : อ่านข้อธรรมขององค์หลวงปู่หล้า แล้วนึกถึงว่า
ไม่สำคัญตนเป็น "อัตตา" ไม่สำคัญอัตตาเป็นตน
ไม่สำคัญตนเป็น "อนัตตา" ไม่สำคัญอนัตตาเป็นตน
ความสำคัญไร ๆ ไม่มี ก็พ้นจากทุกข์ เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : ไม่สำคัญผิดว่ามีตน มีตัวเรา มีตัวตนของเรา ก็ไม่มีตัวตนของผู้ยึดมั่นถือมั่น ให้เป็นทุกข์
โยม : เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แม้จะคิดถึงความสำคัญ ก็ยังมีตนผู้ตรึกถึง แท้จริงแล้วไม่มีตน ไม่มีสิ่งใดให้ตรึกถึง นึกถึง
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : ขันธ์ห้า หรือ รูปนาม ที่ยาววา หนาคืบ กว้างศอก หรือ ความคิด ความรู้สึกว่าเรามีตัวตน หรือ มีตัวตนของเรา
เป็นเพียงมายา หรือ เป็นเพียงภาพลวงตา หลอกลวงให้หลงว่าเป็นตัวเป็นตนคงที่ เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเราจริง ๆ
ถ้าหากพิจารณาให้รอบคอบ จะรู้แจ้งแก่ใจว่า ทั้งรูป นาม หรือ ร่างกาย และ จิตใจ ไม่มีส่วนใดที่เป็นก้อน เป็นแก่น ที่คงที่อยู่จริงเลย มีความไม่เที่ยง ต้องเติมธาตุสารอาหาร ซึ่งเป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟแทนที่สิ้นเปลืองไปตลอดเวลา
ส่วนจิต ซึ่งเป็นนามธรรม ยิ่งเห็นได้ชัดว่า เกิดดับตลอดเวลา
แต่เพราะไม่ได้พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ จึงยึดมั่นถือมั่นว่าขันธ์ห้าเป็นตัวตนของเรา หรือ ตัวเราคือขันธ์ห้า หรือ มีตัวเราอยู่ในร่างกายนี้
เมื่อยึดถือธรรมชาติที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว่าเป็นเรา ก็ต้องยึดถือเขา ให้เป็นทุกข์ทั้งภพชาตินี้ และ ในภพชาติต่อ ๆ ไป
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
16 ธันวาคม 2562
~~~~~~~~~~~~~~~