หลวงตาณรงศักดิ์ ขีณาลโย

  • หน้าหลัก
  • สื่อธรรมะ
    • หนังสือธรรมะ
    • เสียงธรรม
      • เสียงธรรมรายปี
      • ไฟล์เสียงจัดชุด
    • CD
    • e-Book ปุจฉา-วิสัชนา
  • ปุจฉา-วิสัชนา
  • ภาพธรรม
  • วิดีโอธรรม
  • ธรรมทัศน์
  • ธรรมถึงใจ
  • ธรรมโอวาท
    • โอวาทธรรม
      • โอวาทธรรม 60-61
      • โอวาทธรรม 62
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 62
        • โอวาทธรรม เม.ย.- มิ.ย. 62
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 62
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 62
      • โอวาทธรรม 63
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 63
        • โอวาทธรรม เม.ย. - มิ.ย. 63
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 63
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 63
      • โอวาทธรรม 64
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 64
      • โอวาทธรรมถึงใจ
    • ปกิณกธรรม
    • ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม
    • โอวาทธรรมชุด
  • Other Languages
    • English
    • Deutsch

พ้นจากสังขาร "เหนือผู้รู้" ขึ้นไปจนไม่มีที่หมาย

 07 Jul OT 12 1  

 

07 Jul OT 12 2 

 

07 Jul OT 12 3

 

ทีมงานกราบเรียนองค์หลวงตา :

 

กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ

 

หนูกราบขอความเมตตาองค์หลวงตาพิจารณาคำตอบที่เกิดขึ้นมาได้ จากคำถามในไลน์แอดเจ้าค่ะ

 

ซึ่งเป็นเรื่องของ "จิตเดิมแท้" ที่หนูเคยคิดจะกราบเรียนถามองค์หลวงตา แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสกราบเรียนถาม
ก็พอดีมีคำถามนี้มาก่อนเจ้าค่ะ

 

หนูตอบออกมาจากใจจนน้ำตาร่วง ข้างในสะเทือน ขอความเมตตาองค์หลวงตาพิจารณาด้วยเจ้าค่ะ ว่ามีสิ่งใดคลาดเคลื่อนจากธรรมไหมเจ้าคะ

 

กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ

 

 

ทีมงานกราบเรียนรายละเอียดคำถามโยม

รายละเอียดคำถามโยมจากกลุ่มไลน์แอด หลวงตาณรงค์ศักดิ์

 

 

โยม : กราบนมัสการพระหลวงตาเจ้าค่ะ

โยมติดตามพระหลวงตาทางไลน์มา 1 ปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ โยมนั่งสมาธิแล้วกายระเบิดกายแตกละเอียดแล้ว
โยมก็เห็นดวงจิตเป็นแสงสว่างจ้าอยู่ แล้วโยมจึงได้รู้ว่ากายกับจิตนั้น เวลากายดับจิตไม่ดับ แล้วก็สงสัยว่าแล้วคนที่เห็นจิตแยกกันนี้เป็นใคร

 

แล้วโยมถึงบางอ้อ ว่าเป็นสังขารถูกไหมเจ้าคะ จิตเดิมแท้เขาจะนิ่งอยู่เป็นเจิดจ้าเจ้าค่ะ โยมเข้าใจถูกไหมเจ้าคะ กราบพระหลวงตาเจ้าค่ะ

 

 

ทีมงานตอบคำถามโยม :

 

สาธุ สาธุ

 

เมื่อระเบิดกายแล้ว จะพบจิตที่เป็นดวงสว่างจ้านั้น คือ จิตเดิมแท้ที่สว่างไสว ประภัสสร
จิตดวงนี้คือ "จิตอวิชชา" ที่เป็นตัวตั้งต้นของจิตปรุงแต่งทั้งหลาย

 

แต่ไม่ได้ให้ไปทำลายเค้า เพียงแต่ให้มีปัญญาเห็นว่า...
ในความนิ่งที่สว่างจ้านั้น จิตดวงนี้เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกเห็น
จึงนำมาเล่าได้ว่า... จิตเดิมแท้เค้าจะนิ่งอยู่อย่างเจิดจ้า
ปรากฏเป็น "ความมี" จึงเป็นธรรมชาติฝ่ายสังขารปรุงแต่งตกอยู่ภายใต้สมมุติ เพราะเมื่อสิ่งใดที่เกิดมีขึ้นมาให้รับรู้ได้ ย่อมดับไปในที่สุด ไม่มีสิ่งใดเลยที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ดับไป
จึงไม่หลงยึดถือว่าจิตเป็นเรา เราเป็นจิต
หรือ ไม่หลงยึดถือว่าจิตที่เกิดและดับได้นี้ เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา

 

ส่วนผู้ที่มารู้มาเห็นว่า... กายระเบิดแล้ว มีจิตที่นิ่งและสว่างจ้านั้น
ตัวมันคือ "ธาตุรู้" ที่ไม่มีตัวตนของผู้รู้ ธาตุรู้นี้เป็นธรรมชาติ
ฝ่ายวิสังขาร มีชื่อเรียกมากมาย เช่น อสังขตธาตุ นิพพานธาตุ
สุญญตาธาตุ อมตธาตุ ธรรมธาตุ... ฯลฯ

 

- ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่สังขาร คือ เป็นธรรมชาติที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ปรุงแต่ง หรือ มีอารมณ์ต่าง ๆ ได้


- เป็นสิ่งที่ไม่เกิด ไม่ดับ


- ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ใดปรากฏ



ดังนั้น... ตราบใดที่ยังมีขันธ์ห้าอยู่ ก็จะมีจิตที่สว่างไสวดวงนี้ ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของความปรุงแต่ง
แต่ตัวมันไม่ปรุงแต่ง (ไม่แสดงออกเป็นการคิด นึก ตรึก ตรอง)
เป็นเพียง "ความมี" ที่ปรากฏ แต่นิ่งอยู่
ตัวปรุงทั้งหมดออกมาจากมัน ทุกอย่างปรุงออกมาจากจิตดวงที่สว่างไสวนี้


----------------------------------------


*** (ทีมงานกราบเรียนองค์หลวงตา : ตรงท่อนนี้น้ำตาร่วงเลยเจ้าค่ะ ข้างในมันสะเทือนเจ้าค่ะ) ***


----------------------------------------

ในคนทั่วไปที่ยังไม่สิ้นอวิชชานั้น
จิตที่สว่างไสวนี้จะยังไม่สิ้นหลงว่ามีตัวมีตน ยังเป็น "จิตอวิชชา”
จิตยังคงยึดถือตัวเอง จึงเกิดความรู้สึกว่ามีตัวเรา เมื่อมีตัวเราก็มีของเรา เมื่อมีตัวเราก็มีตัวเขาตามมา ยังหลงว่าในธรรมชาติมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา

 

แต่ในพระอรหันต์ท่านสิ้นอวิชชา คือ
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า... จิตที่สว่างไสวนี้เองก็เกิดดับ
ยังตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เป็นดวงสมมุติ จิตสิ้นหลงยึดถือในตัวเอง เป็นดวงจิตที่ไฟแห่งโลภะ ไฟแห่งโทสะ ไฟแห่งโมหะมอดดับลงแล้ว
เป็น "จิตวิชชา" คงเป็นดวงสมมุติที่สิ้นหลงยึดถือสิ่งใด ๆ ให้ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป

 

ดังนั้นพระอรหันต์จึงยังมีจิตที่เป็นดวงสมมุติที่เกิดดับนี้
แต่เพราะอวิชชาดับแล้ว สิ้นหลงยึดถือว่าจิตเป็นตัวเป็นตน
จึงไม่มีการหลงยึดถือจิตนี้อีกเลย
จิตที่สว่างไสวนี้ก็เป็นธรรมชาติฝ่ายสังขารปรุงแต่งไป

 

เมื่อถึงเวลาที่ธาตุแตกขันธ์ดับ
ธาตุกลับคืนสู่ธาตุตามธรรมชาติ คือ ธาตุดินกลับคืนสู่ธาตุดิน
ธาตุน้ำกลับคืนสู่ธาตุน้ำ ธาตุลมกลับคืนสู่ธาตุลม ธาตุไฟกลับคืนสู่ธาตุไฟ

 

ส่วนจิตดวงสมมุติก็ดับลง (วิญญาณขันธ์)
คงเหลือเพียงใจที่เป็น "ธาตุรู้" เป็นวิญญาณธาตุ เป็นธรรมธาตุ เป็นอมตธาตุ เป็นนิพพานธาตุ ที่ไม่เกิดไม่ดับ ไม่มีตัวตนปรากฏ
เป็นดั่งความว่างของอวกาศ ไม่มีกิริยาอาการใด ๆ ให้ถูกรับรู้ได้เลย กลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างของจักรวาล
หมดสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดให้ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป

 

ส่วนคนทั่วไปที่ยังมีอวิชชา จิตยังหลงว่ามีตัวมีตน มีตัวจิตตัวใจ
เมื่อตายแตกดับ ร่างกายที่เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ก็แตกกลับคืนสู่ธรรมชาติ ส่วนจิตใจที่เป็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่เป็นส่วนของขันธ์ห้าก็ดับลง

 

แต่ธาตุรู้นั้นยังไม่สิ้นหลงว่ามีตัวตน ยังคงมีอวิชชาห่อหุ้ม
จึงเป็นปฏิสนธิวิญญาณให้ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดตามบุญบาป
ที่ทำมาสืบต่อไป

 

 

องค์หลวงตาตอบทีมงาน :

สาธุ ถูกต้องแล้ว

~~~~~~~~~~~~~~

 

 

ทีมงานกราบเรียนองค์หลวงตา :

 

มันพูดขึ้นมาว่าตัวมันคือตัวไม่ปรุงแต่ง แล้วมันก็ร้องไห้ จริง ๆ มันคือตัวปรุงแต่งเจ้าค่ะ
ทุกอย่างจบผ่านไปหมดแล้วเจ้าค่ะ หนูน้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงตาอย่างสูงสุด ที่เมตตาหนูมาโดยตลอด

 

กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ


~~~~~~~~~~~~~~~

 

องค์หลวงตาตอบทีมงาน :

 

***** สิ่งใดที่ถูกรู้ได้ แม้แต่จิตผ่องใส จิตอัศจรรย์ที่สุด
จิตสว่างไสวเพียงใดก็ตาม ล้วนเป็นสังขาร คือ สิ่งปรุงแต่งทั้งหมด
ย่อมตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 

***** ส่วน เราเป็นผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้เข้าใจ ผู้รู้แจ้ง ผู้บรรลุ
ผู้ถึงธรรม ก็เป็นสังขารเหมือนกัน
และเป็น “อวิชชา” ซึ่งเป็นหัวขบวนของปฏิจจสมุปบาท

 

***** ส่วนใหญ่ จะหลงยึดถือเอาจิตสว่างไสว
เป็นนิพพาน พระนิพพาน

 

***** หรือมิฉะนั้นก็หลงยึดถือเอาผู้รู้นี้ เป็น นิพพาน

 

***** "นิพพาน" เหนือหรือพ้นสังขารรูปนามทั้งหมด
และ ไม่ใช่ผู้รู้นี้

 

***** "นิพพาน" ไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ขึ้นไปจนไม่มีที่หมาย
(หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)

 

***** เปรียบเหมือนกับว่า
เราเพียรมีสติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา และขันติ จนขึ้นถึงจุดสูงสุดของยอดเขาที่สูงที่สุดในสามภพ คือ กามภพ รูปภพ และ อรูปภพ จึงสามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่ง

 

***** เราที่อยู่สูงที่สุดแล้วนั้น.... แต่ความจริงยังไม่ที่สุดของความสูง เพราะส่วนที่เหนือเราขึ้นไปจนไม่มีที่หมายนั้นย่อมรู้ตัวเรา (ขันธ์ห้า หรือ กายสังขาร วาจาสังขาร จิตตสังขาร)
และเหนือกว่าเราขึ้นไป สิ่งนั้น ไม่มีอะไร ไม่เกิดดับ ไม่อาจถูกรู้ได้ ไม่อาจถูกทำลายได้
เป็นธาตุรู้ตามธรรมชาติ
เป็นมหาสุญญตา เป็นนิพพาน

 

~~~~~~~~~~~~~~~

 

ทีมงานกราบเรียนองค์หลวงตา :

 

เราที่อยู่สูงที่สุดแล้วนั้น คือ ตัวสมมุติที่ไฟดับแล้ว (ขันธ์ห้าบริสุทธิ์)ใช่ไหมเจ้าคะ

 

หลังจากส่งการบ้านองค์หลวงตาแล้วมันก็รู้ขึ้นมาว่า...
ตัวอวิชชา คือ ภวังคจิต จิตปรุงแต่ง คือ วิถีจิต
มันขึ้นมาสั้น ๆ แค่นี้ แต่ข้างในมันเข้าใจเจ้าค่ะ

 

และเมื่อได้อ่านที่องค์หลวงตาเมตตาสอนมา มัน get และ ชัดเจนขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ

 

ตัวอวิชชา คือ ตัวภวังคจิต (ที่เป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้เห็น ผู้เข้าใจ ผู้รู้แจ้ง ผู้บรรลุ ผู้ถึงธรรม)
ส่วนจิตที่ปรุงแต่งเคลื่อนไหว คือ วิถีจิต (จิตที่แสดงกิริยาต่าง ๆ เป็นความสว่างไสว ผ่องใส ฯลฯ)
ทั้งภวังคจิตและวิถีจิตจึงเป็นธรรมชาติฝ่ายสังขารปรุงแต่งทั้งคู่

 

ความจริงที่สูงที่สุดนั้น... เหนือผู้รู้ขึ้นไปเป็นความไม่มีอะไร
เป็น "รู้" ที่ไม่มี "ผู้"
ไม่มีแล้ว... คำพูด
มันจะน้ำตาร่วงอีก

 

น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงสุด
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ

 

 

หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
13 กรกฎาคม 2562

Tweet
  • Social sharing:
  • Add to Facebook
  • Add to Delicious
  • Digg this
  • Add to StumbleUpon
  • Add to Technorati
  • Add to Reddit
  • Add to MySpace
  • Like this? Tweet it to your followers!

Related items

  • 250307B-4 อวิชชาในผู้รู้
  • 250307B-3 เรียนรู้ในเหตุ เข้าใจในผล
  • 250307B-2 พุทธะ ธรรมะ สังฆะ อยู่ที่ใจ
  • 250307B-1 เมื่อไม่ยึดถือก็ไม่ต้องปล่อยวาง
  • 240914A-5 เงื่อนไขบังธรรมเพราะความเข้าใจผิด
More in this category: « ปล่อยวาง - เข้าถึง - เป็นหนึ่ง ... แต่ไม่มี "ตัวตนของเรา" หนึ่งเดียวที่พ้นจากสังขารทั้งมวล »
back to top

Search

โอวาทธรรม Archive

  • โอวาทธรรม 60-61
  • โอวาทธรรม 62
    • ม.ค. - มี.ค. 62
    • เม.ย. - มิ.ย. 62
    • ก.ค. - ก.ย. 62
    • ต.ค. - ธ.ค. 62
  • โอวาทธรรม 63
    • ม.ค. - มี.ค. 63
    • เม.ย - มิ.ย. 63
    • ก.ค. - ก.ย. 63
    • ต.ค. - ธ.ค. 63
  • โอวาทธรรม 64
    • ม.ค. - มิ.ย. 64
  • โอวาทธรรมถึงใจ
  • ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม
  • โอวาทธรรมชุด

5BA01AEA 57EC 462B B6FB 90B6B03148ED

719CBB23 865C 4DF5 A1C8 222F752DCCBB

« May 2025 »
Mon Tue Wed Thu Fri Sat Sun
      1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31  

Facebook

เพจหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

บทถอนอธิษฐาน

  • บทถอนอธิษฐาน
Copyright © หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย 2025 All rights reserved.
โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 62