หลวงตา : จะสอนเขา ต้องปล่อยวางสังขารให้หมดทันที ไม่อาลัยอาวรณ์
ความรู้ จึงจะออกมาจากใจที่เป็นวิสังขาร
เมื่อละทิ้งสัญญา สังขารหมดสิ้น ความรู้แท้ ธรรมแท้ ก็จะออกมาจากใจหรือจิตบริสุทธิ์
ให้ปล่อยวางสังขารเสียให้หมดใจทันที
ละทิ้งสัญญา สังขาร ก็จะพ้นความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ ที่เป็นสัญญา สังขาร
สิ้นหลงมีตัวตน มีตัวเรา ไม่อาลัยอาวรณ์สิ่งใด
“ใจ” ก็จะเป็น วิสังขาร ไม่ปรุงแต่ง ไม่เกิดดับ เป็นอมตธาตุ อมตธรรมทันที
ต่อไปความรู้แท้ ธรรมแท้ ก็จะออกมาจากใจที่เป็นวิสังขาร ซึ่งว่างเปล่าจากตัวตน ว่างเปล่าจากความคิดปรุงแต่ง เหมือนกับความรู้ออกมาจากแถบที่ว่างเปล่าของ google
เมื่อยังไม่ถึงแก่ความตาย จิตตสังขารก็คงปรุงแต่ง เกิดดับในใจที่ไม่เกิดดับ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย สังขารก็ดับไป
ส่วนใจหรือจิตบริสุทธิ์ เป็นอสังขตธาตุ อสังขตธรรม ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่ปรุงแต่ง ไม่เกิดดับ ไม่ได้ตายไปด้วย จะไปรวมกับความว่างของธรรมชาติอันไม่มีขอบเขต
โยม : หลวงตาครับ ไม่เคยเห็นหลวงตาเขียน
เมื่อละทิ้งสัญญาสังขารหมดสิ้น มีความหมายพิเศษเฉพาะเจาะจงอะไรหรือเปล่าครับ
เมื่อก่อนหลวงตาจะใช้แค่ละสังขาร หรือปล่อยวางขันธ์ห้า
หลวงตา : เหตุที่ยังไม่ให้สอนธรรม ชี้ธรรม เพราะเหตุนี้ คือ ความรู้ยังออกมาจากสัญญา
แต่เมื่อละทิ้งสัญญา สังขารหมดสิ้น ความรู้แท้ ธรรมแท้ ก็จะออกมาจากใจหรือจิตบริสุทธิ์
ต่อไปความรู้แท้ ธรรมแท้ ก็จะออกมาจากใจที่เป็นวิสังขาร ซึ่งว่างเปล่าจากตัวตน ว่างเปล่าจากความคิดปรุงแต่ง เหมือนกับความรู้ออกมาจากแถบที่ว่างเปล่าของ google
โยม : เข้าใจแล้วครับ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
4 กรกฎาคม 2562