โยม : พอหลวงตาเตือนก็ระลึกได้ซักระยะ แต่พอเวลาผ่านไปก็หลงลืมคำสอนของหลวงตา ไปพยายามทำอะไรแบบเดิม ๆ ที่คุ้นเคยอีก ต้องมี..สติ..ที่เข้มแข็งจริง ๆ ถึงจะทวนกระแสนิสัยแบบเดิม ๆ ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : ในธรรมชาติ ไม่มีตัวตนของเราอยู่จริง คงมีแต่ความหลงผิด ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ หลงยึดถือเอาขันธ์ห้ามาเป็นตัวตนของเรา จึงยังหลงมีตัวเราพยายามกระทำอะไร เพื่อ ให้เป็นอะไร หรือ ไม่ให้เป็นอะไร
ธรรม หรือ ธรรมชาติ มีเพียงสองอย่างเท่านั้น คือ สังขาร กับ วิสังขาร
“สังขาร” เป็นธรรมชาติเกิดดับ ในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ ซึ่งเป็น “วิสังขาร”
จิตตสังขารในปัจจบันขณะ เขาเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เป็นของใคร และ ไม่ได้เป็นของเรา
ดังนั้น ทุกปัจจบันขณะเขามีอาการ หรือ สภาวะเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นไปอย่างที่เขาเป็น
ส่วน “ใจ” ที่เป็นวิสังขาร ก็เป็นธรรมชาติไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใด
ไม่มีตัวเราเป็นสิ่งนั้น (ทั้งสังขาร และ วิสังขาร) หรือ มิใช่สิ่งนั้นเป็นของเรา
สิ้นหลงผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ว่ามีตัวตนของเรา ก็ไม่มีผู้ยึดถือทั้งสังขาร และ วิสังขาร ให้เป็นกิเลสและความทุกข์ในปัจจุบัน และจะไม่มีตัวตนไปเกิดให้เป็นทุกข์อีกต่อไป
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
8 พฤษภาคม 2562