เพลง Enigma - Return To Innocence (Official Video)
https://www.youtube.com/watch?v=Rk_sAHh9s08
แปลเป็นภาษาไทยเพื่อการศึกษาธรรมะเท่านั้น โดย มีไม่/ไม่มี
Thai subtitling is only for Dharma Educational Teaching purpose by MeeMai/MaiMee
----------------------------
”แก้ไขปรับปรุงคำแปลภาษาไทยให้สอดคล้องกับธรรม”
Return To Innocence
กลับคืนสู่...”ความบริสุทธิ์” (เหมือนเด็กไร้เดียงสา)
Love - Devotion
ความรัก - ความศรัทธาอันแรงกล้า (ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า)
Feeling - Emotion
ความรู้ - อารมณ์ (มีสติ ปัญญา รู้เท่าทันความคิด หรือ อารมณ์)
Don't be afraid to be weak
อย่ากลัวที่จะอ่อนแอ
Don't be too proud to be strong
อย่าเย่อหยิ่งในความแข็งแกร่ง
Just look into your heart my friend
เพื่อน ... ลองมองลึกเข้าไปที่ “ใจ”
That will be the return to yourself
แล้วจะพบ “การกลับไปที่เดิมในตัวเอง”
The return to innocence
การกลับคืนสู่ “ความบริสุทธิ์”
The return to innocence
การกลับคืนสู่ “ความบริสุทธิ์”
If you want, then start to laugh
ถ้าคุณอยากหัวเราะก็หัวเราะ
If you must, then start to cry
ถ้าคุณต้องร้องไห้ก็ร้องออกมา
Be yourself don't hide
เป็นตัวเอง ... อย่าซ่อน (อย่าเก็บกด)
Just believe in destiny
แค่เชื่อมั่นในโชคชะตา (โชคชะตา อันเกิดมาจากการเพียรละบาปทางกาย วาจา ใจ เพียรสร้างบุญกุศลทางกาย วาจา ใจ เพียรปล่อยวางหรือไม่ยึดติดยึดถือสิ่งใด)
Don't care what people say
ไม่สนใจสิ่งที่ผู้คนพูด (ไม่สนใจคำนินทา ว่าร้าย)
Just follow your own way
เพียงทำตามวิธีของคุณเอง
Don't give up and lose the chance
อย่ายอมแพ้และใช้โอกาสนั้น (อย่ายอมแพ้ต่อความทุกข์ยากลำบาก ถ้าผ่านได้ จะเป็นบารมี)
To return to innocence
เพื่อกลับคืนสู่ “ความบริสุทธิ์”
That's not the beginning of the end
นั่นไม่ใช่จุดเริ่มต้นของจุดจบ
That's the return to yourself
นั่นคือ “การกลับไปที่เดิมในตัวเอง” (จิตเดิมแท้ มาจากความไม่มีตัวตน แล้วกลับคืนสู่ความไม่มีตัวตน)
The return to innocence
การกลับคืนสู่ “ความบริสุทธิ์”
----------------------------
หลวงตา : เพลงนี้มีความหมายเหมือนกับตอนที่หลวงปู่บุดดา ถาวโร ได้แสดงนิมิตให้ดูจิตของพระอรหันต์ โดยไม่มีขันธ์ห้า คือ ร่างกายและจิตใจที่เป็นสมมติ มาขวางไว้ จะเหมือนกับเด็กไร้เดียงสา innocence
จิตพระอรหันต์ คล้ายกับจิตเด็กไร้เดียงสา innocence เพราะ ...
จิตเด็กไร้เดียงสาไม่มีราคะ หรือ ความโลภ เพราะ ไม่ได้หลงคิดปรุงแต่งยึดถือให้เกิดราคะ หรือ ความโลภ
จิตเด็กไร้เดียงสา ไม่มีโทสะพยาบาทอาฆาตแค้น ผูกใจเจ็บ เพราะไม่ได้คิดปรุงแต่งยึดถือให้เกิดโทสะพยาบาทอาฆาตแค้น ผูกใจเจ็บ
จิตเด็กไร้เดียงเดียงสาจึงเบิกบาน
แต่เด็กไร้เดียงสาไม่รู้ว่าเหตุและผลที่จิตของตนเองเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุใด ความไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผลเช่นนี้ จึงยังเป็นอวิชชาอยู่
ครั้นเริ่มรู้ภาษา จึงไม่รู้เหตุและผลว่ากิเลส และความทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไม่รู้เหตุ และผลในฝ่ายเกิด จึง ไม่สามารดับเหตุขณะทำให้เกิดกิเลสและความทุกข์ได้
ดังนั้น เมื่อโตขึ้น จึงต้องเพียรฝึก “สติ” ให้รู้เท่าทันจิตที่คิดปรุงแต่งยึดถือไปตามความพอใจและความไม่พอใจ ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดกิเลสและความทุกข์ในปัจจุบันขณะ จนกระทั่งเป็น “ใจหรือธาตุรู้” ที่ไม่มีตัวตน เพียงแค่รู้ โดยไม่หลงเป็นผู้ คิด หรือ หลงเป็นผู้ปรุงแต่งเสียเอง
หรือ สิ้นหลงสังขาร ก็จะสิ้นหลงเอาสังขารมาคิด มาปรุงแต่งยึดถือขันธ์ห้าเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเราอีกต่อไป
จิตก็จะกลับคืนเหมือนเด็กไร้เดียงสา คือไม่มีราคะ หรือความโลภ ไม่มีโทสะหรือพยาบาท และไม่มีโมหะด้วย เพราะสิ้นกิเลส ด้วยความรู้แจ้ง (วิชชา) แล้ว
เป็นจิตหรือใจที่บริสุทธิ์อย่างเป็นอมตะธาตุตลอดกาล
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
5 เมษายน 2562