ที่ท่านกล่าวว่า ... คนโง่ชอบหลีกหนีปรากฏการณ์ในใจของตัวเอง แต่คนฉลาดจะหลีกหนีจากจิตปรุงแต่ง ไม่หลงไปกับความคิดปรุงแต่ง ไม่ใช่หลบหนีนะ คือ สามารถเรียนรู้ได้จากจิตปรุงแต่ง และ หลุดพ้นรอดพ้นจากจิตปรุงแต่งได้
เห็นมัน รู้มันตรง ๆ อย่าหนีมัน เรียนรู้มันตรง ๆ อย่าหนีมัน เห็นว่ามันเป็นสังขาร ไม่เที่ยง ๆ มันเป็นความปรุงแต่ง และไม่หลงไปกับมัน
สิ่งใดปรุงแต่งสิ่งนั้นย่อมเกิดดับ สิ่งนั้นย่อมมีอายุ อย่าหลงไปกับมัน เห็นความปรุงแต่ง ไม่ใช่เห็นความว่างเปล่า ถ้าเห็นความว่างเปล่านี่หลงนะ... “หลง”!
ให้เห็นความปรุงแต่ง แล้วก็ไม่ยึดถือความปรุงแต่ง ไม่ใช่หนีความปรุงแต่งเข้าไปอยู่กับใจที่ว่างเปล่า อันนี้มันหลงร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
ให้เห็นความปรุงแต่งเห็นสังขารปรุงแต่ง และเห็นว่ามันไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มันเป็นอนัตตา มันเป็นทุกข์ ... เป็นทุกข์ สังขารทั้งหมดเป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้ ไม่เข้าไปยึดถือมัน ปล่อยให้มันเกิดเอง ดับเอง เกิดเอง ดับเอง ไม่เข้าไปยึดถือมัน มันก็จะพ้นจากทุกข์ได้ ไม่ใช่ว่าหนีสังขารไปอยู่กับใจที่ว่างเปล่า ไปเห็นแต่ใจที่ว่างเปล่า
เหมือนดั่ง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านว่า ...
ทำอย่างนั้นน่ะ มันเหมือนกับว่าเรามโนเอา สร้างความรู้สึกเอา ให้โลกนี้ทั้งใบทุกสรรพสิ่งมันหายไปหมดเหลือแต่จักรวาลกับตัวเรา แล้วก็หัวตอที่เราไปยืนดูจักรวาล
มันเอาตัวเราเนี่ยไปยืนอยู่บนหัวตอ แล้วดูจักรวาล แล้วก็เพ้อว่า ... ว่างเปล่า ... ว่างเปล่า ... ว่างเปล่า ...
แต่มันกลายเป็นเอา “ตัวเรา” ไปยืนบนหัวตอในจักรวาล แล้วก็มองดูแต่จักรวาลที่ว่างเปล่า แต่ไม่มองดูตัวเรา
ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ มันเห็น “ตัวเรา” ที่ยืนบนหัวตอ แล้วก็ปล่อยวางตัวเราไม่ยึดถือขันธ์ห้า นั่นแหละจึงบรรลุพระนิพพาน
พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลายสิ้นอุปาทานขันธ์ห้า
มันต้องเห็นขันธ์ห้าว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันจึงพ้นจากทุกข์ ไม่ใช่เอาตัวเราไปมองดูความว่างเปล่า
ไปโหยหาความว่างเปล่า มันเท่ากับเอาตัวเราไปยืนบนหัวตอ มองดูจักรวาลแบบนั้น
แล้วไม่ได้ปล่อยวางตัวเรา!
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190317A-5 สิ้นอุปาทานขันธ์ห้า
17 มีนาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=bFaHMGWoY40