มันมีความคาดหวังว่า “ตัวเรา” จะไปถึงความไม่มีอะไร “ตัวเรา” จะไปเป็นความไม่มีอะไร แต่มันไม่ได้เห็นว่า “ตัวเรา” ที่จะไปเป็นความไม่มีอะไร “ตัวเรา” ที่จะไปถึงความไม่มีอะไร มันเป็น “ขันธ์ห้า”
แล้วเราก็สังเกตเห็น ความคิดความรู้สึกว่า ...
มีตัวเรามันยังปฏิบัติไม่ได้
ตัวเรามันจะไปถึงซึ่งความไม่มีอะไร
ตัวเราจะไปเป็นความไม่มีอะไร
เราให้เห็นตรงนี้ แล้วสังเกตให้เห็นว่า ความคิดความรู้สึกเป็น “ตัวเรา” ที่จะไปเป็นความไม่มีอะไร ตัวเราที่จะไปเป็นอะไรให้ได้ เราปฏิบัติไปถึงตรงนั้นจะต้องไม่มีตัวเราออกจากร่าง แต่เรายังทำไม่ได้... ก็ให้เห็นตรงนี้
ความคิดความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา มันเป็นขันธ์ห้า มันเป็นขันธ์ห้า มันเป็นสิ่งปรุงแต่ง เป็นของไม่เที่ยง สังเกตมันดี ๆ ว่ามันเป็นสังขาร ... “เป็นสังขาร” มันจะคิดจะรู้สึกยังไง ก็เป็นสังขาร ไม่หลงไปกับมัน เห็นแต่สังขารความคิดความรู้สึกเป็นตัวเรา เรา ตัวเรา ของเรา เรา ตัวเรา ของเรา อยู่นี่แหละ
สังเกตเห็นมันว่ามันเป็น สังขาร ๆ แล้วก็ไม่หลงไปกับสังขาร ไม่หลงไปกับความคิดความรู้สึกนี้
อย่าเอาความหมายคือ “ความไม่มีอะไร” ... “ความว่างเปล่า” เป็นที่ตั้ง
ให้เห็นแต่สังขาร ในปัจจุบันขณะ ๆ แล้วไม่เข้าไปยึดถือมัน เห็นว่ามันเป็นสังขาร แล้วไม่เข้าไปยึดถือมัน อย่าไป “หมาย” ตรง “ความว่าง” ไว้ มันจะผิดตัว !!!
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190316A1-2 เห็นผู้อยาก
16 มีนาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=eu8rvANFi0M