ชีวิตที่เราเวียนว่ายตายเกิดมายาวนานเป็นอสงไขย สร้างบุญบารมี สร้างความดี และหลงทำกรรมชั่วมายาวนาน เพราะพวกท่านมีบุญวาสนาบารมีมาแต่ปางก่อน เคยได้ถวายทาน เคยได้ฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันตสาวกองค์ใดองค์หนึ่งมาก่อน ท่านจึงได้มีโอกาสได้มาฟังธรรมของพระพุทธเจ้า มาฟังธรรมแท้ๆ เป็นธรรมอันบริสุทธิ์ ออกจากพระธาตุ พระทัยอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก เป็นธรรมที่สิ้นความปรุงแต่ง เป็นธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง
ธรรมที่ไม่ปรุงแต่งนั้นก็คือ “ใจ” ของพวกท่านทั้งหลาย ที่เป็น “ใจที่ไม่ปรุงแต่ง” เมื่อใดใจของท่านเป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ธรรมนั้นก็เป็นธรรมอันเดียวกัน เป็น “พระธรรม” อันเดียวกันที่ออกมาจาก “ใจ” ออกมาจากพระทัยอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหมด
ธรรมนี้มีมาก่อนอยู่แล้ว มีอยู่แล้วในธรรมชาติ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกได้มารู้ธรรมเห็นธรรมนี้ พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ธรรม เห็นธรรมชาตินี้ คือธรรมที่สิ้นความปรุงแต่ง ธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ธรรมนี้มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นของใคร เป็นของกลาง
ธรรมนี้มี 2 ประเภท คือ ธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่ง กับธรรมที่ไม่อาจปรุงแต่งได้
ธรรมใดที่ปรุงแต่งได้ ชื่อสมมุติว่า “สังขาร” สิ่งนั้นย่อมไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และธรรมที่เป็นสังขารทั้งหมดย่อมเกิดดับอยู่ในธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ ไม่แตก ไม่ทำลาย ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดอยู่ ไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีการเกิดและไม่มีการตาย เพราะเป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง การเกิดและการตายเป็นธรรมชาติของฝ่ายสังขาร ฝ่ายปรุงแต่ง ย่อมเกิดดับอยู่ในธรรมชาติฝ่ายไม่ปรุงแต่ง
ธรรมชาติฝ่ายไม่ปรุงแต่งเปรียบเหมือนเป็นความว่างเปล่าของจักรวาลหรืออวกาศ ส่วนธรรมชาติฝ่ายที่ปรุงแต่งมีอยู่ 2 ประเภท คือ ธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่งที่มีวิญญาณครอง ได้แก่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดวงจิตวิญญาณทั้งหมดที่ยังล่องลอยอยู่ในธรรมชาติ ในโลกทั้งสาม เป็นธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่ง
และธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีวิญญาณครอง ได้แก่ ดวงอาทิตย์ ลูกโลก ดวงดาว ดวงจันทร์ อุกกาบาต ดาวเทียม จรวดต่างๆ ที่เคลื่อนที่อยู่ในอวกาศ หมุนอยู่ในอวกาศ รวมทั้งพลังงานทุกชนิด ทั้งสสารและพลังงานที่เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงอยู่ในอวกาศเป็น “สังขาร” ทั้งหมด
ฉะนั้น “สังขาร” รวมทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต สังขารทั้งหมดตกอยู่ภายใต้กฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ เมื่อเป็นสังขาร เป็นสิ่งปรุงแต่ง ย่อมไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะมันเป็นธรรมชาติที่ไม่เที่ยง มันเป็นธรรมชาติที่เป็นทุกข์
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
190119A-4 อยู่กับธรรม กินกับธรรม ตายกับธรรม
19 มกราคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/N87jvFoEfpI
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/190119a-4
ดาวน์โหลด (คอมพิวเตอร์) :
http://bit.ly/2B7mclp