เราจะเห็นว่า... เมื่อกี๊มันจบไปแล้ว แต่เราพูดใหม่มันก็เกิดขึ้นอีก ฉะนั้นการจบนี่... ทุกอย่างเมื่อจบแล้วก็ต้องเกิด เกิดแล้วก็ต้องตาย ต้องจบ จบแล้วก็ต้องเกิด เกิดแล้วก็ต้องตาย
แต่ถ้าเรา “หลงไปเป็นเกิดและตาย” หลงไปเป็นฝ่ายปรุงแต่งที่เกิดที่ตายได้ ก็จะต้องเกิดตาย... เกิดตาย... เกิดตายอย่างนี้แหละ เรื่อยไปไม่มีที่จบสิ้น
เพราะว่าเมื่อกี๊พูดจบแล้ว แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีก มาพูดอีก แต่พูดเสร็จก็จบไปอีก ถ้าเราไม่เข้าใจอย่างนี้... เราเป็นฝ่ายปรุงแต่ง เป็นฝ่ายกระทำ เป็นฝ่ายพูด เป็นฝ่ายคิด เราจะอยู่ใน “วงเวียนของการเกิดและการตาย” จบแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตายวนเวียนไป
เราเห็นมั้ยว่า... เมื่อกี๊หลวงตาปล่อยให้เราพูด เราพูด ๆ ๆ แล้วก็จบ พอหลวงตาพูดเสร็จ เราก็ถือไมค์พูดอีก เพราะว่ามันตายไปแล้ว การที่เราพูดไปครั้งแรก พอถือไมค์พูดอีก มันก็เกิดอีก... เกิดอีกแล้วก็ตายอีก
จงเห็นแบบนี้ ทั้งกายสังขาร วาจาสังขาร จิตตสังขารที่คิดปรุงแต่ง เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด ถ้าเราหลงไปเป็นมัน เราจะต้องเกิดแล้วก็ตายหาที่จบสิ้นไม่ได้
หลุดพ้นจากสังขาร ไม่หลงไปเป็นสังขาร ก็จะหลุดพ้นจากโลกทั้งสามได้ หลุดพ้นจากการเกิดตายได้
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
181121B2-2 ไม่มีการมา ไม่มีการไป
21 พฤศจิกายน 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/Bz0eTRxuSjQ