ข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดเพื่อตัด “นันทิราคะ” คือความหลงเพลินใจไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ในความคิดปรุงแต่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ ไม่หลงคิด หลงปรุงแต่ง หลงเพลินไปในอายตนะภายนอก
เมื่อไม่หลงคิด หลงปรุงแต่งไป หรือเรียกว่า “ไม่หลงส่งจิตออกนอก” ไปยินดียินร้ายเพลินใจติดไปกับอายตนะภายนอก รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สิ่งที่มากระทบสัมผัสกาย หรือธรรมารมณ์ คือเวทนา สัญญา สังขาร เจตสิกที่ทำงานร่วมกับวิญญาณขันธ์ในขันธ์ที่ห้า มันก็จะไม่มีอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะนั้น
เมื่อใด “ไม่หลงส่งจิตออกนอก” ไปยังอายตนะภายนอก ไม่เข้าไปยินดียินร้าย มันก็จะไม่เกิดอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
ในขั้นที่ละเอียดเข้าไปแล้ว มันจะเหลือแต่ “ปรากฏการณ์” หรือ “กิริยาจิต” ของขันธ์ห้าล้วน ๆ ที่ไม่มีอวิชชา ตัณหา อุปาทานเข้ามาปน เป็นแต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่เป็น “ชีวิต” แท้ ๆ ที่ไม่มี “อวิชชา” คือความเป็นตัวเราที่หลงยึดมั่นถือมั่นเข้าไปปน
ดังนั้นจึงบอกว่า... ตรงนี้สำคัญมาก สังขารธรรมดา ความคิด ความปรุงแต่ง ไม่มีผู้เข้าไปยึดมั่นถือมั่นจะไม่เป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน จะไม่เข้าสู่กระบวนการของการเกิดกิเลส ทุกข์ ภพ ชาติ เวียนว่ายอยู่ในวงจรปฏิจจสมุปบาทไม่รู้จบสิ้น
สังขารธรรมดาของขันธ์ห้าเป็นเพียง “ทุกขสัจ” คือ เป็นความทุกข์เฉพาะมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็จบไปเพียงแค่ขณะจิต ๆ แต่ไม่ได้เป็นความทุกข์ที่เกิดจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น ให้เกิดภพ ชาติ การเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบสิ้น
พอสิ้นอายุขัย สังขารธรรมดาก็จบสิ้นไปโดยบริบูรณ์เพราะสิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่น วงจรปฏิจจสมุปบาทก็ขาดสะบั้นตั้งแต่ “สิ้นยึด” ไปแล้ว ตั้งแต่ธาตุขันธ์ยังไม่แตกดับ อวิชชา ตัณหา อุปาทานมันดับไปหมดสิ้นแล้ว เหลือแต่สังขารแท้ ๆ ของขันธ์ห้า... ซึ่งไม่มี “ตัวเรา” เข้าไปยึดถือสังขาร ว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา หรือเป็นของของเรา ไม่มีผู้หลงไปยึดถือสังขาร ก็จะไม่เป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
180407A-1 ถึงที่สุดก็คือความไม่มีอะไรเลย
7 เมษายน 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/ZDqXVHyEe0s