"... ฉะนั้น ตัวละเอียดที่สุดที่จะปล่อยวาง คือ “ปล่อยวางผู้รู้ที่ปรุงแต่ง” หรือเรียกว่าปล่อยวางรูป ปล่อยวางเวทนา ปล่อยวางสัญญา ปล่อยวางสังขาร ปล่อยวางวิญญาณขันธ์ในปัจจุบันขณะ จิตหรือวิญญาณขันธ์ปัจจุบันขณะที่ทำงานร่วมกับเจตสิก เวทนา สัญญา สังขารที่มาประกอบจิตทุกดวงที่เกิดขึ้นมารู้ มีเจตสิกประกอบทุกดวงเป็นธรรมารมณ์ปัจจุบันขณะเรื่อยไป
เมื่อเป็นธรรมารมณ์ปัจจุบันขณะ ก็จะมีจิตวิญญาณขันธ์ดวงใหม่ในปัจจุบันขณะไปรู้ธรรมารมณ์ เราก็รู้ตรง “จิตผู้รู้” นี่ ที่เป็นจิตวิญญาณขันธ์ที่ไปรู้ธรรมารมณ์
พอรู้เสร็จปุ๊บมันก็จะมีเจตสิก เวทนา สัญญา สังขารเข้ามาประกอบกับจิตผู้รู้ดวงปัจจุบัน แล้วก็จะกลายไปเป็นธรรมารมณ์
พอกลายไปเป็นธรรมารมณ์ก็จะมีจิตผู้รู้ดวงปัจจุบัน เกิดมารู้ธรรมารมณ์ตัวก่อนหน้านั้น แล้วก็จะมีเจตสิก เวทนา สัญญา สังขารอีกสามมาประกอบกับจิตวิญญาณขันธ์ดวงที่ห้า วิญญาณ ขันธ์ที่ห้า แล้วก็จะมาเป็นผู้รู้ปัจจุบันขณะ
แต่ผู้รู้ปัจจุบันทุกขณะ มันจะมีเจตสิกมาประกอบทุกดวง แล้วมันก็จะกลายไปเป็นธรรมารมณ์ที่ถูกรู้ แล้วก็จะมีจิตวิญญาณขันธ์ดวงปัจจุบันมารู้ธรรมารมณ์นั้น แล้วก็จะมีเจตสิกมาประกอบมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นธรรมารมณ์
เพราะพอมี “เจตสิก” มาประกอบกับ “ผู้รู้” ปุ๊บมันเป็น “อาการ” ทันที พอเป็นอาการปุ๊บ มันเป็น “สิ่งที่ถูกรู้” ทันที
สรุปแล้วคือ “จิตผู้รู้” หรือ “วิญญาณขันธ์” ทุกดวง กลายไปเป็นธรรมารมณ์ที่ถูกรู้เรื่อยไป แล้วก็จะมีจิตวิญญาณขันธ์ดวงใหม่มาเป็นผู้รู้ธรรมารมณ์นั้น แล้วก็จะกลายเป็นเจตสิกมาประกอบ ผู้รู้ทุกดวงจึงกลายเป็นจิตปรุงแต่งทุกดวง
จะรอดหลุดพ้นไปถึงขั้นที่สูงสุดก็คือ จิตหรือวิญญาณขันธ์ ในขันธ์ที่ห้าที่มีเจตสิกประกอบทุกดวงในปัจจุบันขณะนี่ มันจะกระดุ๊กกระดิ๊ก ยุกยิก ๆ กระเพื่อม ๆ ไหวตัว จะมีอาการอย่างไรก็ตาม จะมีความคิดนึก ตรึกตรอง ปรุงแต่ง จะจ้อง เพ่ง เจตนา จงใจ พยายาม ตั้งใจ กำหนดเพ่ง กำหนดบริกรรม พิจารณาอะไร ล้วนแต่เป็นปรุงแต่งหมดเลย ปรุงแต่ง ๆๆๆ ในปัจจุบันขณะ
ดังนั้น... สุดท้ายที่จะหลุดรอดจริง ๆ คือปรุงแต่งทุกปรุงแต่งในปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะปรุงแต่งในลักษณะยังไง คือเจตสิกที่มาประกอบกับจิตวิญญาณขันธ์ทุกดวงในปัจจุบันขณะ เป็นความปรุงแต่งก็คือ
“มันปรุงแต่งเกิดดับอยู่ในความไม่มีอะไร”
ในความไม่เกิดไม่ดับ ในความไม่ปรากฏอะไรเลย มีแต่สังขารกระดุ๊กกระดิ๊ก ๆ อะไรก็ตาม ผู้รู้อะไรก็ตามที่มันเป็นอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะสิ้นอายุขัย คือสังขารยังกระดุ๊กกระดิ๊กได้ คือขันธ์ห้ายังไม่ดับ จิตวิญญาณขันธ์ที่ห้าทำงานร่วมกับเจตสิก มันก็จะกระดุ๊กกระดิ๊ก ๆๆ ทุกปัจจุบันขณะ
ฉะนั้นผู้รู้ทุกปัจจุบันขณะ มันจะมีเจตสิกเข้ามาร่วมประกอบ ทำให้เป็น “สังขารที่ปรากฏ”
ปรากฏไหนล่ะ ? ปรากฏเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีตัวตน ไม่มีตัวจิตตัวใจ ไม่มีใครไปรองรับ ไม่มีใครไปเสวย ไปยึดถือ ปล่อยให้สังขารทั้งหมดเกิดเองดับเอง เกิดเองดับเองทุกปัจจุบันขณะ..."
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
181222A-1 สิ้นยึดถือผู้รู้ ไม่มีผู้ไป ไม่มีผู้มา ตอนที่ 1
22 ธันวาคม 2561
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/Mh3521NQTPo
ฟังจากระบบซาวด์คลาวด์ :
https://soundcloud.com/luangtanarongsak/181222a-1-1
ดาวน์โหลด (คอมพิวเตอร์) :
http://bit.ly/2Cwty2B