“...ผู้ที่มีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ พระธรรมที่เป็นสัจธรรมความจริง ที่พระพุทธเจ้าค้นพบและถ่ายทอดจากใจอันบริสุทธิ์ (คือธาตุรู้อันบริสุทธิ์) ของพระพุทธเจ้า ผ่านมายังธาตุรู้อันบริสุทธิ์ของพระอรหันต์สาวก ผ่านมายังธาตุรู้อันบริสุทธิ์ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกท่าน มายังหลวงตา และส่งไปยังธาตุรู้อันบริสุทธิ์ของทุกท่าน ทั้งเทพ เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑ มนุษย์ คนธรรพ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ภพภูมิใด โลกธาตุใด จักรวาลใด ก็อธิษฐานให้เขาได้รู้ได้เห็นธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เข้าถึงใจที่สิ้นความยึดมั่นถือมั่น สิ้นความปรุงแต่ง ใจที่ไม่สังขาร พ้นจากสังขารไป เป็นใจที่เป็น “ธาตุรู้” (รู้จริง รู้แจ้ง รู้พ้น รู้สิ้นยึด รู้สิ้นหลง รู้ตื่น รู้เบิกบาน) ตลอดกาล
ผู้ที่มาเกิดแล้ว ได้พบแล้ว รู้เห็นแล้ว ก็พ้นไป ผู้ที่ยังไม่มาเกิด แม้แต่เป็นเทวดาที่มีโอกาสได้ฟังธรรม รู้ธรรม เห็นธรรมได้ ก็บรรลุไปในภพของเทวดา และผู้ใดที่ยังไม่พ้น ก็ได้เวียนกลับมาเกิด ได้พบธรรมนี้ ได้เห็นธรรมนี้
ธรรมนี้มีอยู่คู่กับธรรมชาติตลอดกาล ไม่เป็นของของใคร เอาธรรม เอานิพพานนี้แบกไปไม่ได้ เพราะว่าคนอื่นต้องมารู้ธรรม มาพบพระนิพพานนี้เหมือนกัน แล้วก็หายไป ไปเป็นความรู้จริง รู้แจ้ง รู้พ้น รู้สิ้นยึด รู้สิ้นหลงในธรรมชาติเหมือนกัน เป็นหนึ่งเดียวกันหมด ไม่ได้แตกต่างกันในพระพุทธเจ้า ในพระอรหันต์ทั้งหมด
ฉะนั้น... ธรรมนี้ นิพพานนี้จึงเป็นธรรมชาติคู่ธรรมชาติตลอดไป ไม่ได้เป็นของเรา เราไม่ได้แบกเอาไปด้วย แม้แต่ตัวเราก็แบกเอาไปไม่ได้ แล้วจะเอาเราไปแบกธรรม เอาตัวเราไปแบกพระนิพพานก็ไม่ได้ เพียงแต่... มีแต่ความรู้ สติกับความรู้มันอยู่ด้วยกัน มันรวมลงที่ใจ ที่รู้สัจธรรมความจริง รู้แจ้งถึงใจที่สิ้นความปรุงแต่ง รู้สิ้นหลง รู้สิ้นยึด รู้ตื่น รู้เบิกบานอย่างเป็นอมตะตลอดกาล ไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ "พุทธะ" พระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกทั้งหมดในธรรมชาติ
เหมือนกับน้ำในขวดที่พวกท่านถือกันคนละขวด น้ำดื่มที่เขากลั่นกรองให้สะอาดแล้วอยู่ในขวด น้ำตอนแรกมันสกปรก ก็เหมือนจิตเดิมแท้มันยังมีอวิชชาปน นี่เขากรองมาให้สะอาดแล้ว ใส่ขวดไว้ก็กลายเป็นน้ำสะอาด เรียกว่าเป็นความรู้ “ธาตุรู้ที่สะอาดบริสุทธิ์” คือสิ้นหลง สิ้นยึด
แต่มันมีขวดพลาสติกหุ้มไว้ มันยังไม่แตก คือขันธ์ห้ามันยังหุ้มไว้ แต่น้ำที่อยู่ในขวดนี่มันสะอาดแล้ว เป็นน้ำบริสุทธิ์แล้วคือเป็นผู้รู้จริง รู้แจ้ง รู้พ้น รู้สิ้นยึด รู้สิ้นหลง รู้ตื่น รู้เบิกบานแล้ว มันก็รอจนกว่าขวดจะแตก คือขันธ์ห้าจะดับ
พอขันธ์ห้าดับ ธาตุรู้หรือน้ำในขวด มันก็ไปเทรวมกับน้ำในธรรมชาติ ในจักรวาล ในอากาศ ก็กลายไปเป็นน้ำอันเดียวกัน น้ำเทลงไปขวดหนึ่ง มันก็ไม่แยกแล้วว่า น้ำพระพุทธเจ้าที่เทลงไป น้ำพระอรหันต์ที่เทลงไป น้ำของเราที่เทลงไป ไม่แยกกันว่าตรงไหนเป็นน้ำพระพุทธเจ้ากองไว้ น้ำพระอรหันต์กองไว้ น้ำของเรากองไว้ มันก็ไม่มีกองของใครของมัน ก็ไปรวมเป็นน้ำในธรรมชาติ
ธาตุรู้ก็เหมือนกัน เมื่อเป็นธาตุรู้อันเดียวกัน ก็เหมือนกับน้ำในขวด เป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากความสิ้นหลง สิ้นยึด สิ้นอวิชชาแล้ว ก็เลยกลายไปเป็นธาตุรู้ที่ว่างเปล่าอันเดียวกับพระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวก คือเป็น “เนื้อเดียวกัน” ไม่ได้แบ่งแยกกันระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์
ความสมมุติแบ่งแยก แต่ความเป็นพุทธะ ความเป็นผู้รู้แจ้ง ความเป็นผู้สิ้นยึดเท่ากัน แต่วาสนาบารมีที่สร้างสมมาต่างกันเท่านั้นเอง แต่ธาตุรู้ไปรวมกันหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน...”
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
ธรรมะจากไฟล์เสียง : 180901A-6 รู้ที่ออกมาจากใจ-2
https://youtu.be/LoScqdFU5cw