โยม 1 : กราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
เมื่อวานหนูได้ฟังไฟล์เสียง "200118B2-1 ว่างคือว่างจากตัวตน" ฟังไปถึงนาทีที่ 34.07 เป็นต้นไป ฟังแล้วสะท้อนใจ ที่องค์หลวงตาบอกว่า มีคนบอกว่าองค์หลวงตาชอบไปสอนไปจี้ใส่บางคนที่ปฏิบัติผิด กลัวว่าเขาจะสติแตก
องค์หลวงตาเลยบอกว่าพูดรวม ๆ ไม่อยากว่าใครแล้ว รวมถึงที่องค์หลวงตาป่วย แต่ก็เห็นแก่ประโยชน์ลูกศิษย์
เพราะที่ผ่านมาพวกเราลูกศิษย์ก็เห็นสิ่งนี้มาโดยตลอดเจ้าค่ะ หนูสะท้อนใจมากเลยเจ้าค่ะ ข้างในมันพูดขึ้นมาเลยว่า "โถ... ใจของพ่อแม่ครูอาจารย์" ทั้งที่ใจเมตตามากที่จะช่วยแก้ความเห็นผิดให้ศิษย์ แต่ก็ยังต้องเมตตากลัวว่าเขาจะบอบช้ำ
หนูนึกถึงข้อธรรมหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระอานนท์ เรื่อง "กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์"
มีท่อนหนึ่งที่หนูประทับใจมากเลยเจ้าค่ะ ประโยคจากคำสอนที่พระองค์ตรัสกับพระอานนท์ คือ ประโยคนี้เจ้าค่ะ
"... ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้พึงคิดเลยว่าเราคือ "ฆฏิการะ" บุรุษผู้มีความเห็นถูก แต่แท้ที่จริงแล้วเราคือ "โชติปาละ" ***บุรุษผู้มีความเห็นผิดคนนั้น***
แต่เนื่องจากเราได้คบหากับบุคคลอันเป็นยอดกัลยาณมิตร คือ ฆฏิการะ เราจึงได้กลับมาเป็นผู้มีความเห็นถูก ก้าวเข้ามาสู่หนทางแห่งการสร้างความดี มาสร้างบารมี จนกระทั่งบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ในที่สุด..."
หากภายในใจรู้สึกแบบนี้ จะเห็นคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์มากเลยเจ้าค่ะ คุณของพระพุทธเจ้า คุณของพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่มีประมาณจริง ๆ เจ้าค่ะ
สิ่งใดที่หนูเคยดื้อด้านต่อคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์หนูขอน้อมกราบขอขมาต่อทุกสิ่งที่ผ่าน ๆ มาด้วยนะเจ้าคะ
ต่อไปหนูจะน้อมนำคำสั่งสอนมาปฏิบัติให้มากเจ้าค่ะ ไม่เอากิเลสเป็นครูเป็นอาจารย์ เชื่อเขามากกว่าเชื่อธรรม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์เจ้าค่ะ หนูเป็นบุรุษผู้มีความเห็นผิดคนนั้น และได้อาศัย "กัลยาณมิตร" คือ พ่อแม่ครูอาจารย์จนถึงทุกวันนี้เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
หมายเหตุ : อ่านรายละเอียดข้อธรรมที่โยม 1 อ้างถึง จาก FB บ้านจันทร์ส่องธรรม ด้านล่าง
https://www.facebook.com/634910339863457/photos/a.634915573196267/709223359098821/?type=3&theater
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : กราบสาธุค่ะหลวงตา
ได้ย้อนกลับมาจริง ๆ ว่า ครั้งหนึ่งหลวงตาเคยบอกว่าถ้ายังไม่อิ่มในธรรม ก็ยังต้องแสวงหาต่อไป
ที่ผ่านมา ได้แสวงหามามากจริง ๆ ค่ะหลวงตา พยายามทุกอย่าง ที่จะแสวงหาทางที่จะหนีจากความทุกข์ แท้จริงเพราะอยากให้ตัวเองได้ที่พึ่งทางใจ ที่ยิ่งหาเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์ หนีตั้งแต่หยาบ จนมาถึงหนีอย่างละเอียด
จริง ๆ ทุกข์ ไม่สามารถพ้นด้วยการหนี แต่กลับพ้นด้วยใจ ที่ยอมรับสัจธรรมความจริง
ชาตินี้เป็นชาติที่ดีที่สุด ที่ได้เกิดมาและได้มีโอกาสมาพบหลวงตาพ่อแม่ครูอาจารย์
ขอก้มกราบนอบน้อมในความเมตตาของหลวงตา ที่คอยพร่ำสอนชี้ทางมาตลอดด้วยความเมตตาไม่มีที่สุดไม่มีประมาณค่ะ
หลวงตา : อย่าติดที่ตัวบุคคล อย่าติดที่ตัวอาจารย์ เพราะทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ให้เอาพระธรรมเป็นกัลยาณมิตรตลอดเวลา และตลอดไป
โยม 2 : สาธุค่ะหลวงตา
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 3 : บันทึกคำสอนองค์หลวงตาไว้ เมื่อตอนที่ได้มากราบปีกว่าผ่านมาแล้วเจ้าค่ะ... ยังน้อมระลึกไว้ในใจเสมอ
กราบ กราบ กราบ
--------------------------------
เนื้อหาคำสอนจากการบันทึกของโยม
--------------------------------
ถ้าไม่มี 2 ข้อนี้... พ้นทุกข์ไม่ได้
1. กัลยาณมิตร (ผู้คอยชี้แนะบอกสอน)
2. โยนิโสมนสิการ (การน้อมไว้ในใจโดยแยบคาย)
"ใจที่ไม่สังขาร" เท่านั้น... ที่พ้นจากทุกข์ได้
เกร็ดธรรมคำสอน 2 ธันวาคม 2561
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 4 : น้อมกราบนมัสการหลวงตา พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพยิ่ง
ถ้าจะเดินทางธรรมจริง ๆ จัง ๆ ก็ควรเดินตามแนวที่พระพุทธองค์แนะแนวทางไว้ คือกัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
การคบเพื่อนที่ดีมีคุณธรรม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิต หน้าที่การงาน และที่สำคัญสุดคือการประพฤติธรรม เพราะจะช่วยทำให้เรามีความเห็นถูก เข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง จนกระทั่งสามารถบรรลุมรรคผลได้
ทุกวันนี้กัลยาณมิตรอาจหาได้ยาก แต่ด้วยกุศลที่ได้ทำแล้ว ก็จะเป็นปัจจัยให้เราพบมิตรแบบนี้ได้เมื่อถึงเวลา หากไม่สามารถหากัลยาณมิตรได้ ก็ไม่ควรไปคบคนพาล ไม่มีเพื่อนเสียเลยยังดีกว่า แต่ควรให้พระธรรมเป็นกัลยาณมิตรแทน เพราะพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ถือเป็นกัลยาณมิตรได้เช่นกัน
ศิษย์ทำตามนี้มาตลอด 2 ปี 2 เดือน ตั้งแต่ได้ฟังธรรมจากหลวงตาครั้งแรกเพราะฟังแล้ว ทราบทันทีว่าหลวงตาสอนทางลัดสู่ทางแห่งความพ้นทุกข์ และเป็นธรรมแท้ของพระพุทธองค์ เกิดศรัทธา จึงมุ่งมั่น ฟัง อ่าน พิจารณาภาวนา ตามที่หลวงตาสอนและแนะทางเดินให้ทั้งหมดตลอดมา รู้สึกว่าชีวิตนี้ มีค่ามีสาระขึ้นเยอะเจ้าค่ะ
ก่อนพบหลวงตา ศิษย์ทำคู่กัน ทั้งทางโลกและทางธรรมมาหลายสิบปี ทางโลกกลืนกินเวลาไปเยอะกว่าทางธรรมเยอะ รู้สึกว่าชีวิตนี้ หาสาระไม่ค่อยได้
ขอน้อมกราบในพระคุณและมหาเมตตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 5 : หนูขอกราบแทบเท้าองค์หลวงตาที่เทิดไว้เหนือเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
ที่หนูเป็นปกติอยู่ตอนนี้ ก็ด้วยความเมตตาจากองค์หลวงตาที่คอยชี้แนะ พร่ำสอนมาตลอด "กัลยาณมิตรเป็นที่สุดของพรหมจรรย์" ฟังแล้วซาบซึ้งถึงก้นบี้งหัวใจเลยเจ้าค่ะ
หนูจะเพียรปฏิบัติน้อมถวายองค์หลวงตา จะยังประโยชน์ตนจนที่สุด และยังประโยชน์ท่าน อย่างที่องค์หลวงตาทำให้ดูเจ้าค่ะ จะไม่ให้องค์หลวงตาต้องเหนื่อยมากเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาอันไม่มีประมาณขององค์หลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 6 : หลายครั้งที่โยมมีสติ และเห็นตัวรู้ที่คอยพากษ์ คิด นึก ปรุงแต่ง โยมระลึกถึงบุญคุณ และกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาที่ชี้ให้เห็นค่ะ ถ้าหลวงตาไม่ชี้ให้เห็นโยมคงต้องใช้เวลาอีกนาน ในการที่จะมาถึงตรงจุดนี้ได้ค่ะ
กราบนมัสการ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาต่อศิษย์อย่างสูงค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 7 : เมื่อคืน หนูมานอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล แม่ตื่นขึ้นมายังมืดอยู่ แม่บอกหนูว่า “ให้ใจเป็นรู้อิสระ” แบบที่หลวงตาสอน แล้วก็หลับไป แล้วก็ตื่นเรียกหนูอีก แล้วก็บอกหนูอีกว่า “ให้เป็นรู้แบบไม่มีอะไรเลย”
แสดงว่าสิ่งที่หลวงตาสอนอยู่ในจิตลึก ๆ ของคุณแม่ค่ะ
หลวงตา : สาธุ เยี่ยมเลย (สติ)
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 8 : น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หนูมีบุญอันสูงสุด คือได้มีพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาสอนสั่ง ชี้แนะมาโดยตลอด สำหรับหนู องค์หลวงตาเป็น “super กัลยาณอาจารย์” เจ้าค่ะ เป็นแบบอย่างให้เห็นของจริง โดยมิต้องคาดเดา มิมีสิ่งใดที่จะคลุมเครือไม่ชัดเจนเลยเจ้าค่ะ
“ของแท้” เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง มันทำให้ไม่เสียเวลา เพราะไม่ต้องลังเลสงสัยอะไรอีกแล้ว ในสังสารวัฏอันยาวนาน ตอนนี้จึงเป็นเหตุปัจจัยที่เกื้อกูลและลงตัวที่สุด ที่จะ "หายโง่" เสียที
น้อมกราบแทบเท้าพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
“พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์”
เป็นบรมครู เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ เป็นที่สุดของกัลยาณมิตร
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 9 : กราบ กราบ กราบ
กราบขอโอกาสหลวงตาค่ะ เป็นข้อความที่ลึกซึ้งถึงใจมากค่ะ หนูขอถือพระพุทธองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นบรมครู เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ เป็นกัลยาณมิตร ผู้ชี้ทางแห่งอริยมรรค
ขอใช้ร่างกายจิตใจนี้ เพื่อประโยชน์แห่งพระศาสนาจนถึงที่สุดค่ะ
กราบขอบพระคุณความเมตตาไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณของหลวงตาค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 10 : ... ผู้ชี้ขุมทรัพย์...
อานนท์! เราไม่พยายามทำกะเธออย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างปั้นหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์! เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้
กราบครู... องค์หลวงตา ผู้ชี้ขุมทรัพย์ ด้วยเศียรเกล้าค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 11 : ขอกราบเท้าองค์หลวงตาอย่างหาที่สุดไม่... กราบ กราบ กราบ
คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ เป็นบรมครู เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ เป็นที่สุดของกัลยาณมิตร
หากลูกไม่ได้หลวงตา ขี้ตาและผงในตาของลูก คงจะไม่ได้ถูกเช็ดออกได้สะอาดขึ้นและง่ายเพียงนี้ เหตุเพราะพระเมตตาขององค์หลวงตาที่พากเพียรสั่งสอนลูกศิษย์ ทำให้ลูกได้เข้าใจสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ และเข้าใจชัดเจนขึ้นอีกในสิ่งที่เคยเข้าใจแล้วแต่ยังไม่ชัดเจน ถ้าไม่มีองค์หลวงตา ลูกคงจะยังตามืดบอดอยู่ และไม่รู้จะอีกนานเท่าไหน
เหตุเพราะได้พบและฟังธรรมขององค์หลวงตา ลูกถึงได้เข้าใจแจ้งขึ้น บุญคุณครูบาอาจารย์นี้ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ลูกไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบเคียงได้ ไม่มีอะไรจะตอบแทนได้หมด ลูกขอน้อมถวายกุศลผลบุญใดที่ได้ทำมาแล้วทุกภพทุกชาติ จนถึงชาตินี้ ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ
กุศลผลบุญทั้งหมด ที่ได้ทำมาแล้ว และที่จะได้ทำต่อไป ขอยกถวายแด่องค์หลวงตา ให้หลวงตามีธาตุขันธ์ที่แข็งแรงและอยู่ไปอีกนาน
ขอกราบองค์หลวงตาในเมตตา และธรรมอันบริสุทธิ์ ที่ท่านเพียรอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์เสมออย่างไม่มีหยุดหย่อน กว้างใหญ่กว่าน้ำในมหาสมุทรค่ะ
ลูกขอกราบค่ะ กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 12 : ลูกโชคดีเหลือเกินเจ้าค่ะที่ชาตินี้ได้เกิดมาพบองค์หลวงตา ได้อยู่ใต้ร่มเงาขีณาลโย ลูกขอถือพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นสรณะตลอดชีวิต ไม่ขอเอาโลกเข้ามาสู่ใจอีกแล้ว
จะขอเพียรปฏิบัติเพื่อไม่ต้องมาเกิดอยู่ในโลกทั้งสามให้ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป ให้สมกับที่ได้เกิดมามีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์หลวงตา เป็นบรมครู เป็นดั่งพ่อแม่ครูอาจารย์ เป็นที่สุดของกัลยาณมิตร
ลูกขอน้อมกราบแทบเท้าพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์หลวงตา อย่างสูงสุดเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 13 : กราบนมัสการองค์หลวงตาค่ะ
เป็นจริงดังคำตรัสของพระพุทธเจ้าค่ะ หากไม่มีกัลยาณมิตร ก็ไปคนเดียวหรือมีพระธรรมคำสอนนำทางดีกว่า...
หนูโชคดี (ทำเหตุมา) ที่ได้มีองค์หลวงตาคอยชี้แนะ คอยตบเข้าให้ตรงทาง เพราะคำสอนและครูบาอาจารย์มีมากมายเหลือเกิน หนูเลยเอาคำสอนหลวงตามาเทียบเคียง เวลาที่ได้ฟังธรรมคำสอนจากที่ต่าง ๆ
หนูจะพิจารณาว่าหลวงตาสอนอย่างไร เราลองปฏิบัติแบบที่หลวงตาสอนก็เห็นผลได้ในปัจจุบัน คือความทุกข์ ความยึดถือ น้อยลงเบาลง และที่สำคัญได้เข้าใจชีวิต เข้าใจสัจธรรมความจริงของธรรมชาติ ว่าเรานั้นไม่ได้มีอยู่จริง แค่เพียงธาตุที่มารวมกัน มันเป็นสมบัติของโลก ไม่ใช่เราไม่มีตัวเราของเราที่ไหนเลยค่ะ
กราบนมัสการองค์หลวงตา ในทุกคำสอนที่ทำให้ลูกศิษย์มีความเข้าใจในธรรมจริง ๆ ค่ะ
กราบ กราบ กราบ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
27 มกราคม 2563
หมายเหตุ : แนะนำสื่อธรรมที่เกี่ยวข้อง
ไฟล์เสียง 200118B2-1 ว่างคือว่างจากตัวตน
ฟังจากยูทูป : https://youtu.be/GdhafZnOh5E
~~~~~~~~~~~~~~~