ผู้ใดทำประโยชน์ "เพื่อตัวตน" ตัวเราตัวของเรา ไม่ว่าจะให้ตัวเราได้รับผลอะไร ให้ตัวเราดีกว่าใคร หรือ ยึดความคิดความเห็นของเรา ผู้นั้นจักเป็น “ผู้คับแคบ”
การเป็น “ผู้ให้ที่แท้จริง” นั้นยิ่งใหญ่กว่าคำว่า “เมตตา” เสียอีก
“การให้” โดยไม่มีตัวตนของเราแม้แต่น้อยหนึ่ง นิดหนึ่ง ปรมาณูหนึ่ง ไปรองรับผลหรือสิ่งใดนั้นเป็น ”การให้ที่แท้จริง”
ใจที่เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน... ยิ่งใหญ่เหนือความยิ่งใหญ่
ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน... ให้เพราะอยากจะให้ อยากให้เขาพ้นทุกข์ ให้เขารู้ธรรมเห็นธรรมมี "ปัญญา" พาพ้นทุกข์ได้
ความพ้นทุกข์ คือ เขาพ้นทุกข์ ไม่ใช่ความพ้นทุกข์เขา... ตอบแทนให้เรา
ขณะจิตใดที่มีความรู้สึกให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน หรือ ให้เปล่าอย่างบริสุทธิ์ใจผู้นั้นเป็นผู้ให้ที่แท้จริง
และจงรู้ไว้ว่า... ท่านไม่ได้เดินอยู่ลำพังบนเส้นทางแห่งการให้สายนี้ บุญบารมีที่ท่านสะสมมาทุกภพทุกชาติ และ ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ คือ เพื่อนร่วมเดินทาง
การเป็นผู้ให้ผล คือ ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น...ไม่ทุกข์ ใจอิ่มเอิบเบิกบาน หมดความเร่าร้อนจากสิ่งร้อยรัดทั้งปวง
การเพียรทำอะไรไม่ใช่ทำอะไรเพื่ออะไร การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เพราะเมื่อสิ้นความปรารถนาสิ่งใดเพื่อตัวเราหมดสิ้นไปความทุกข์ทั้งมวลก็ดับไปพร้อม
เส้นทางแห่งพุทธะ... ไม่ใช่เส้นทางที่ได้อะไรกลับมา และ ไม่ใช่เส้นทางที่สูญเสียอะไรไป ไม่มีทั้งการไป... ไม่มีทั้งการมา... ไม่มีแม้การหยุดอยู่ เป็นเส้นทางที่เต็มสมบูรณ์อยู่แล้วโดยไม่เคยมีแม้แต่... "ผู้เดินทาง"
สิ้นตัวตนของผู้เดินทาง
ไม่มีทั้งปลายทาง
ไม่มีทั้งทางเดิน
ไม่มีทั้งผู้เดินทาง มีแต่การเดินทางของธรรมชาติอย่างแท้จริง
เป็นธรรมชาติ... โดยธรรมชาติ และ ส่งต่อโดยธรรมชาติ
สัจธรรมความจริงนั้นงดงามซาบซึ้งเหนือกว่าคำอธิบายใด ๆ
~~~~~~~~~~
หลวงตา : อย่าประมาทกับกิเลสแม้แต่เพียงปรมาณูเดียว อย่าปล่อยให้เหลือไว้
ความยึดถือแม้แต่เพียงปรมาณูเดียวก็อย่าปล่อยให้ยึดถือไว้ มันจะเป็นกิเลสลุกลามใหญ่โต เป็นเชื้อโรคใหญ่ได้ ให้คนอื่นเค้าแอบรู้ได้ เห็นได้
ถ้าอย่างนี้ถ้าเราตายแล้ว ยมทูต ยมบาล หรือ พวกเชิญวิญญาณมาลากเอาไปได้นะ! มันไม่เหมือนกับนกที่บินผ่านท้องฟ้า บินผ่านอากาศที่ไร้ร่องรอย มันไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ใครลากเอาไป เวลาตายแล้วไม่มีใครมาลากเอาวิญญาณไปลงโทษ
เพราะว่าไม่เหมือนนกบินผ่านอากาศไม่ทิ้งร่องรอยเลย แต่นี่ยังทิ้งร่องรอยให้เค้าจับได้ว่ายังแอบทำอย่างนี้อยู่ในใจ... แอบยึดอย่างนี้อยู่ในใจ ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่าพวกที่เชิญวิญญาณก็มาจับเอาไปได้หมด มาตามจับเอาไปได้หมดเพราะว่ามีร่องรอยให้เค้าจับได้
มันจะต้องปล่อยขาด... ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรให้เค้าจับได้เลยว่า มีตัวเราไปแอบยึดอะไรไว้ ถ้าถูกจับได้อย่างนี้พวกเชิญวิญญาณก็มาลากเอาไปได้ ตายแล้วไม่สิ้นตัวตน จิตวิญญาณไม่ดับไปเหมือนดั่งเปลวไฟที่สิ้นเชื้อ... หายไปรวมกับความว่างเปล่าของธรรมชาติจักรวาล
อย่าปล่อยให้เค้าจับได้ ปล่อยวางหมดก็สงบ และ ว่างเปล่า มันไม่สงบ... มันไม่ว่างเปล่า มันยังมีความทุกข์ มีความกังวล มีความเร่าร้อนไปด้วยไฟราคะ... ไฟโทสะ... ไฟโมหะ
ปล่อยวางหมดก็ "สงบ" และ ว่างเปล่า ไฟที่สุมอยู่ในใจก็ดับลง "ไฟสุมขอน"... ไฟราคะ... ไฟโทสะ... ไฟโมหะ ก็ดับลง
ไฟที่สุมขอนอยู่ก็ดับลง ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือเรียกว่า "ดับไปเพราะสิ้นเชื้อ" พอตายแล้ว จิต หรือ วิญญาณ ก็ดับไปเพราะว่าเปลวไฟดับไป เพราะเชื้อมันหมดแล้ว... สิ้นเชื้อ!!!
ดับไปเหมือนไฟสิ้นเชื้อ หายไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่าของธรรมชาติจักรวาล
อย่าให้มีเหลืออยู่... ทุกขณะปัจจุบันนี้ความทุกข์ ความเดือดร้อนใจ ความวุ่นวายใจ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ มันเป็นอย่างไรปล่อยให้มันเป็นไป
ไม่มีใครหลงติดไปกับมัน
ไม่มีใครพยายามไปดับมัน
มันเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่มันเป็น
ถ้าไม่มีตัวเราหลงไปกับไฟทั้งหลาย และ ไม่มีเราพยายามจะไปดับไฟทั้งหลาย ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่มันเป็น ไม่มีตัวเราติดไปกับอะไร และไม่มีตัวเราไปพยายามดับอะไร และ ไม่มีการพยายามที่จะรักษาตัวเราให้ตัวเราไม่ติดไปกับอะไร
ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่มันเป็น ใจก็สงบ ไฟในใจทั้งหลายก็ดับลง มีแต่ความสงบร่มเย็น มีแต่ความว่างเปล่า ตายแล้วจิตวิญญาณก็หายไปรวมกับความว่างเปล่าในธรรมชาติ ความว่างเปล่าในจักรวาล
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ล้วนแต่เมตตาไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ
อย่าปล่อยให้ธรรมนั้นมันผ่านไป
เกิดมาได้เป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่เป็นบ้าเป็นใบ้ เป็นออทิสติก เป็นดาวน์ซินโดรม เกิดมาได้พบพุทธศาสนา พบพระธรรม มีผู้สอน มีผู้ชี้แนะ โอกาสเช่นนี้ภพชาติยาวนานเป็นกัป เป็นอนันตกาลเราจะเจอสักครั้งหนึ่ง
อย่าปล่อยให้โอกาสสุดท้ายนี้มันผ่านไป
จงเดินอยู่ในทางของ "พุทธะ" เดินอยู่ในทางของความสิ้นยึด เป็นผู้รู้แจ้ง รู้จริง รู้สิ้นหลง รู้สิ้นยึด เรียกว่า... เดินในทางของพุทธะ
ไม่ว่าท่านจะอยู่ไกลเพียงใด ถ้าท่านเดินในทางของพุทธะ เป็นผู้รู้จริง... รู้แจ้ง... รู้สิ้นหลง... รู้สิ้นยึดแล้ว อยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ อยู่ใกล้หลวงตาตลอดเวลา
จงเดินในทางของพุทธะ... จงเดินในทางแห่งพุทธะ จงเอาธรรมเป็นที่พึ่ง จงจุดแสงสว่างแห่งธรรมขึ้นมาในใจตน
อย่าพึ่งผู้อื่นแม้แต่พระพุทธเจ้า แม้แต่พระ แม้แต่หลวงตา แม้แต่ครูบาอาจารย์องค์ใด
จงเป็นธรรมด้วยใจของเรา
~~~~~~~~~~
จงเป็นผู้ให้... ที่แท้จริง
ขอกราบนอบน้อมในพระคุณของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ และ องค์หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย ผู้เป็นแบบอย่างของการให้ โดยไม่หวังผลตอบแทน
ให้ด้วยความเมตตาไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณต่อทุกสรรพสัตว์ ให้พบแสงสว่างนำพาพ้นทุกข์ เป็นผู้ให้ที่แท้จริง
ศิษย์ทั้งหลายขอน้อมนำเอาแบบอย่างมาประพฤติปฏิบัติ จะพากเพียรด้วยสัมมาทิฏฐิ เต็มกำลังสติ ปัญญา ความสามารถ ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ตราบจนกว่าปฐพีนี้จะกลบหน้า
ขอถวายการปฏิบัติทุกภพทุกชาติเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อาจริยบูชาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากวีดีโอ "ผู้ให้ที่แท้จริง"
https://youtu.be/i3M1di01X1c
~~~~~~~~~~~~~~~