โยม : หนูยังไม่เข้าใจคำว่า “ไม่มีเรา ไม่มีตัวเรา” ค่ะ
หลวงตา : พิจารณาลองค้นดูให้ดีสิ ความเป็นเราเป็นตัวตนของเราจริง ๆ มันอยู่ตรงไหน
เพราะ “นิพพาน” คือความสิ้นตัวเรา สิ้นความเป็นตัวตนของเรา ที่เราไปหลงยึดถือไว้
งั้นความรู้สึกเป็นเรา เป็นตัวเราเป็นตัวตนของเรา มันอยู่ตรงไหนในร่างกายเรา ค้นเข้าไป ค้นเข้าไป ๆ
มันอยู่ในผมเหรอ? ถอดผมออกมา ถ้าความเป็นตัวเราเป็นตัวตนของเรา อยู่ในผม เมื่อเราตัดผมถอดผมออกมา ผมร่วง ความเป็นตัวเรา ก็จะต้องตายหมดไป เราก็นิพพาน
เวลาผมหลุด ความเป็นตัวตนในความรู้สึกเราหมดไปมั้ย?... ไม่หมด!
เอ้า... ความรู้สึกความเป็นตัวตนอยู่ในเล็บ ในฟัน ในหนัง ในเนื้อ ในเอ็น ในกระดูก ในตับในไตในไส้น้อยไส้ใหญ่ ม้ามตับปอดหัวใจ... ที่กล่าวนี้ทั้งหมด ล้วนเป็นธาตุดิน เพราะพอหลุดจากร่างเราเผาแล้วก็เป็นขี้เถ้าธุลีเป็นดินหมด
ความเป็นตัวตนอยู่ในอวัยวะเหล่านั้นมั้ย? อยู่ในธาตุดินนั้นมั้ย เป็นอย่างนั้นมั้ย?... ก็ไม่เป็นอย่างนั้น!
ถ้าอย่างนั้นค้นเข้าไปแล้วความเป็นตัวตนไม่มีอยู่ในอวัยวะตรงไหนเลย แล้วเราทำไมเรายังรู้สึกว่ามีเรา เป็นตัวเราตัวตนของเรา มันอยู่ตรงไหน?
มันอยู่ในน้ำมั้ย? ในน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำปัสสาวะ น้ำไขมันข้น ถ้างั้นความเป็นตัวตนมันไม่อยู่ในธาตุดิน ต้องอยู่ในธาตุน้ำ ถ้าอยู่ในธาตุน้ำ ปัสสาวะออกมา ความเป็นตัวตนหายหมดเลย ตายหมด ดับหมด ก็นิพพานทันที... ก็ไม่เป็นเช่นนั้น!
ความเป็นตัวตนไม่อยู่ในธาตุดินไม่อยู่ในธาตุน้ำ ถ้าอย่างนั้นอยู่ในธาตุลม ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ความเป็นตัวตนมันคงอยู่ในธาตุลม ถ้ามันอยู่ในธาตุลม เมื่อเราหายใจออกทิ้งไป ความเป็นตัวตนก็ต้องตาย ก็ต้องดับไป
เป็นเช่นนั้นมั้ย? ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้น!
ความเป็นตัวตนอยู่ในธาตุไฟซึ่งเป็นความร้อนความอบอุ่นในร่างกายมั้ย? เมื่อตัวเย็นลง ความร้อนหายไป ความร้อนเปลี่ยนแปลงไป ความเป็นตัวตนจะต้องดับไป ก็ต้องนิพพาน... ไม่ใช่เช่นนั้น!
ค้นเข้าไป ค้นเข้าไป ค้นเข้าไป ค้นเข้าไป ทั้งวันทั้งคืน ทั้งวันทั้งคืน หาให้มันได้ว่าความเป็นตัวตนอยู่ที่ไหน? ถ้ารู้หาได้ว่าความเป็นตัวตนมันอยู่ในอวัยวะชิ้นใด อยู่ในธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มาให้หมอช่วยผ่าออกทีจะได้นิพพาน สิ้นความเป็นตัวตนก็ “นิพพาน” คือ “พ้นทุกข์” ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น!
เราต้องค้นลงไปอย่างเนี้ย จนใจยอมแพ้ จนยอมแพ้ที่ใจ ยอมจำนนในคำสอนพระพุทธเจ้า ยอมจำนนในสัจธรรมความจริงของธรรมชาติ
ว่ามันไม่มีอยู่จริง ความเป็นตัวตน!!
แล้วเราก็จะสิ้นหลงยึดถือว่า มีตัวมีตนของเราในร่างเหล่านี้ แต่เราบอก ความเป็นตัวตนไม่อยู่ที่ร่างกาย ที่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มันอยู่ที่ความรู้สึก มันอยู่ที่จิต เราก็ให้มันรู้สึกไว้ตลอดเวลาไว้ที่จิต อย่าให้มันหายไป ว่ามันต้องอยู่ที่จิตเป็นตัวตนคงที่มันไม่มีหายไปหรอก เราก็ท่องไว้ รู้สึกไว้ เดี๋ยวมันจะหายไป อย่าหลับนะ พอหลับแล้วมันหาย
พอนอนหลับสนิท มันหายเลย! พอตื่นขึ้นมา มีการกระทบ ความยึดถือเกิดขึ้น พอใจ ไม่พอใจ ความเป็นตัวตนก็เกิดขึ้นมาเลย พอมีเพื่อนมาคุยมีเรื่องอะไรทำให้ถูกใจ ความเป็นตัวตนที่ไปเกิดขึ้น กับสิ่งที่พอใจไม่พอใจในขณะนั้นก็ดับไป แล้วก็ไปเกิดกับสิ่งใหม่
ความเป็นตัวตนจึงไม่มีอยู่จริง มันเกิดดับตามความยึดขณะจิตที่ยึดถือ ตามความพอใจความไม่พอใจ
เมื่อเราพิจารณาเข้าไปแบบนี้ ไหนล่ะความเป็นตัวตนของเราคงที่ เป็นก้อนเป็นแก่นที่ไม่แตกไม่ทำลาย มันมีอยู่ตรงไหนล่ะ?
พิจารณามันเข้าไป เข้าไป ๆ ๆ
จนใจมันยอมจำนน ไม่มีตัวตนอยู่จริง เราไม่มีตัวตนอยู่จริงเหรอ? ไม่มีตัวตนของเราอยู่นี่จริงเหรอ!!
แค่นั้นแหละ... มันก็ระเบิด “อวิชชา” ความโง่ไปหมดเลย!!!
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม : เมื่อเราไม่มีตัวตน แล้วทำไมเราต้องมาอยู่กันตรงนี้ล่ะคะ? แล้วทำไมโลกนี้ไม่มีแค่... ไม่ต้องมีอะไรเลย
หลวงตา : ก็เรายังหลง คือเป็นอวิชชา ยังโง่อยู่ ว่าเรามีตัวตนของเรา ทั้งที่มันก็เห็นว่าไม่เที่ยง ตำตาตำใจเราว่า... มันไม่เที่ยง ๆ
ดูรอบข้างเรานี่เห็นมั้ย? แล้วดูที่ตัวเรา เราเกิดมาเป็นเด็ก เรายังเป็นเด็กอยู่อย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ?
โยม : ไม่ค่ะ
หลวงตา : แล้วเราเป็นสาว เราจะเป็นสาวอย่างนี้ตลอดไป หรือเราจะเป็นคนแก่เหมือนคนที่อยู่รอบตัวเรานี่ล่ะ?
เราหลงยึดถือ “ขันธ์ห้า” นี้ ซึ่งเป็นของไม่เที่ยง ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย เน่าเปื่อยผุพังสลายไป เป็นเราเป็นตัวเราเป็นตัวตนของเรา ทั้ง ๆ ที่เห็นว่ามันไม่เที่ยง ตำตาตำใจเราว่า มันไม่เที่ยง ๆ แล้วคนที่มาก่อนเรามีใครบ้างล่ะไม่ตาย คนที่มาทีหลังเรา มีใครบ้างไม่ตายมีมั้ยล่ะ?
มีใครมั้ยที่คงที่? เป็นเด็กคงที่ หรือว่าเป็นหนุ่มเป็นสาวคงที่หรือว่าที่สุดก็ต้องแก่เฒ่าเหมือนคนทั้งหลายในที่นี้ แล้วที่สุดก็ต้องตายเหมือนปู่ย่าตายายที่เราไปเผามาแล้วหลายคน
จึงต้องมาฟัง ให้เกิดความเข้าใจ และพิจารณาตาม จนใจจนด้วยใจของตัวเอง มันจนด้วยใจของตัวเองว่า ความเป็นตัวตนจริง ๆ มันไม่มีอยู่จริง
มันมีแต่ความหลง มันมีแต่ “ความหลง” เท่านั้นเอง
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากวีดีโอ “ความจริงของสิ่งไม่เที่ยง”
(วีดีโอใช้สำหรับเปิดในคอร์สที่องค์หลวงตาแสดงธรรมเท่านั้น)
หมายเหตุ : โอวาทธรรมที่เกี่ยวข้องฟังเพิ่มเติมเพื่อความถึงใจ
ไฟล์เสียง : 190828A-1 เกิดเพื่อไม่เกิด
ฟังจากยูทูป : https://youtu.be/r5MWEzupmQg
~~~~~~~~~~~~~~~
บันทึกธรรมถึงใจ ส่วนท้ายวีดีโอ :
ร่างกายและจิตใจ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้
สังขารไม่เที่ยงหนอ...
ไม่ช้าหรอก สังขารทุกชีวิต ต้องดับลาลับโลก ล้วนเศร้าโศก เมื่อประสบกับความตาย ความผิดหวัง ความไม่สมหวัง ความไม่สมปรารถนา ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ความทุกข์ใจ ความเหี่ยวแห้งใจ
ความพลัดพรากจากคนที่รัก สิ่งที่รัก เป็นทุกข์ในโลก
เกิดเพื่อตาย มีเพื่อจาก พบกันเพื่อพลัดพราก เป็นธรรมดาของโลก
ผู้ใดไม่มีสติ ปัญญา รู้เห็นและยอมรับตามความเป็นจริง เขาย่อมเศร้าโศก
“เกิด” ย่อมเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
“ไม่เกิด” จึงพ้นจากทุกข์
~~~~~~~~~~~~~~~