โยม : ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
ลูกเพิ่งจะฝันมาเจ้าค่ะ ฝันว่าตนเองเดิน ๆ ไปในที่ ๆ หนึ่ง แล้วหมาเห่า ก็เลยเหาะขึ้นไปบนอากาศ แต่เหาะไม่สูงมาก หมาก็วิ่งตาม ก็เหาะหนีหมา แล้วก็มาที่ห้อง ๆ หนึ่ง เข้าไปนอนที่เตียง มีลูกพี่ลูกน้องและน้านอนอยู่ ตัวเองก็ไปนอนข้าง ๆ น้อง น้องก็บอกว่ามีผีมานอนด้วย
ตอนนั้นถึงรู้ว่าตัวเองตายแล้ว และในฝันนั้นเอง เสียงองค์หลวงตาก็ขึ้นมาว่า พอเราตายก็จะเป็นกายโปร่งแสงปรากฏออกมา แล้วไปอยู่กับญาติกับพี่น้อง ในฝันตอนนั้นมันก็รู้ขึ้นมาว่า อ่อนี้เราตายแล้วเป็นวิญญาณอย่างนี้ ต้องปล่อยตัวนี้ด้วย ไม่ยึดถือร่างนี้ แล้วก็ตื่นขึ้นมา
ความคิดความรู้สึกต่าง ๆ ที่เป็นตัวเป็นตน ก็เกิดขึ้นมา ผู้รู้ก็มี ความรู้ว่าทั้งร่างกายจิตใจวิญญาณ ยึดถือไม่ได้ก็มีขึ้นมา เราก็มีขึ้นมา ผู้รู้ว่ามีเราก็มีขึ้นมา และความรู้ที่ว่า ทั้งหมดล้วนเป็นขันธ์ห้าก็มีขึ้นมา แล้วก็ดับไป... สัญญาเรื่องที่ว่าต้องทิ้งจิตวิญญาณนี้ด้วยก็ขึ้นมาเป็นระยะ
ขอน้อมกราบในความเมตตาที่พ่อแม่ครูอาจารย์มาชี้แนะสั่งสอนลูกเจ้าค่ะ
ขอปฏิบัติบูชาให้ได้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์เจ้าค่ะ
หลวงตา : ธรรมมาเตือนว่า เรายังมีความอาลัยในญาติพี่น้องอยู่ จึงยังหลงมีวิญญาณเป็นตัวตนออกจากร่าง จะไปเกิดกับเขา
ต้องพิจารณาทบทวนเหตุการณ์ ให้รู้เห็นวิญญาณที่ออกจากร่างไปมีลักษณะเป็นสังขารปรุงแต่ง มีความคิดตรึกตรองปรุงแต่งได้ เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ เกิดดับได้ (เหาะไปนอนกับน้อง ตื่นมาแล้วก็หายไป)
ดังนั้น ทุกปัจจุบันขณะ ต้องเพียรสังเกตเห็นจิตคิดตรึกตรองปรุงแต่ง จากความไม่มีอะไร แล้วปรากฏเป็นอาการคิดตรึกตรองปรุงแต่ง กระเพื่อม เกิดดับ ไหวตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะหยาบ ปานกลาง หรือ ละเอียดเพียงใด......
*****ไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา ผู้หลงติดไปกับสังขารในปัจจุบันขณะ
ไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา พยายามดึงตัวเองออกมาจากสังขารในปัจจุบันขณะ
ไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา หลงไปทำตามกริยาหรืออาการสังขารในปัจจุบันขณะ
ไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเราไปพยายามรู้เท่าทันสังขารในปัจจุบันขณะ เพื่อจะดับสังขารให้หมด
ไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา...... ในปัจจุบันขณะ
*****ถ้ามีเรา ตัวเรา ตัวตนของเราเกิดขึ้นมาจากความไม่มีอะไร ในปัจจุบันขณะ ก็ให้รู้เห็นด้วยใจหรือธาตุรู้ที่เป็นวิสังขาร หรือ อสังขตธาตุ หรือ อสังขตธรรม (เป็นธรรมไม่ปรุงแต่ง) ว่าความปรุงแต่งเป็นเรา ตัวเรา ตัวตนของเราในทุกขณะปัจจุบัน เป็น “สังขาร” เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ควรหลงยึดมั่นถือมั่น (สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ) ไม่ใช่ใจบริสุทธิ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง หรือ เป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง จะไม่มีอะไรปรากฏความเกิดดับเลย
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
20 ธันวาคม 2562
~~~~~~~~~~~~~~~