โยม : กราบหลวงตาครับ
เมื่อเช้าฟังคลิปหลวงตา 160426 ขับรถไปด้วย เกิดรู้สึกขึ้นมาดังนี้ จึงพูดให้ไลน์พิมพ์ แล้วมาแก้คำเล็กน้อย ขอกราบเรียนหลวงตาครับว่า ฟังหลวงตาสนุกมากครับ
"เรื่องสี่แผ่นดิน ถ้าตัดแม่พลอยออกไป 1 คนเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ใช่ 4 แผ่นดิน และก็จะเป็นเรื่องอื่นไปเอง
ชีวิตนี้ถ้าตัดตัวอะไรตรงนี้ออก ที่โยงใยกันด้วยชื่อผม และความเป็นมาต่าง ๆ ในชาตินี้ออกไปทั้งหมดนี้ อะไรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ยุบหายไป
ผมตายไป โลกของผมก็สลายหายไป หายไปหมด หมายรวมไปหมดสลายกระจายออกไปหมด แล้วมันก็เป็นไปในตามที่มันจะเป็นไป ชั่งหัวมัน ชั่งหัวคือช่างเหตุผลไปของมันไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ใครจะไปตั้งชื่อเป็นเรื่องราวของใครอะไรก็ช่าง ไม่มีเราแล้วก็มันไม่มีอะไร"
ขอกราบเรียนถามหลวงตาครับ
มีผู้เขียนไว้ว่า...
หนึ่งรู้ ดูความไหว คิดวูบไปใจก็รู้
หนึ่งรู้ เฝ้าดูใจ จิตหวั่นไหว ใจดูใจ
หากเข้าใจตามแบบนี้ถูกต้องไหมครับ ควรเริ่มต้นด้วยการฝึกรู้สึกตัวก่อนใช่ไหมครับ
หนึ่งรู้ คือ "รู้หนึ่งเดียว" คือปัจจุบัน ที่รู้ตรงนี้ไปเลย ไร้สมมุติทุกอย่าง บอกไม่ได้ ไม่มีคำเรียก
หนึ่งรู้ เมื่อปรากฏ ทุกอย่างก็จบสิ้น ไม่มีอะไรอีกต่อไป ไม่มีไปไหนไม่มีมาทำไม ไม่มีสิ่งอื่นนอกเหนือจาก "หนึ่งเดียว"
แต่หนึ่งรู้ หรือ "รู้หนึ่งเดียว" ปรากฏอยู่เป็นขณะ ๆ พอเจตนาจะบังคับให้ปรากฏต่อเนื่อง หนึ่งรู้ก็หายไป กลายเป็นคำ / ทำ "สมมุติ" มากมาย
หนึ่งรู้ "รู้หนึ่งเดียว" เหมือนท้องฟ้า หรือจักรวาลไร้ขอบเขต ไร้เกิดไร้ดับ สสารใหญ่น้อยทุกอย่างปรากฏเคลื่อนไหวในจักรวาลที่นิ่งสนิท
แสงสว่างช่วยให้มองเห็นว่า ฟ้าคือฟ้า เห็นสิ่งเคลื่อนไหวในท้องฟ้า เท่าที่มีการสะท้อนแสง จนเข้าใจธรรมชาติของฟ้าที่นิ่งสนิท ตลอดแยกแยะแตกต่างจาก สิ่งปรากฏเคลื่อนไหวที่มีชั่วคราว
หากไม่มีความสว่าง ก็แยกไม่ได้ว่ามีฟ้า ไม่เห็นแม้สิ่งเคลื่อนไหวชั่วคราว แต่ความมืดกลับไม่ใช่ปัญหา หากไม่มีผู้ต้องการจะเห็น
ความรู้สึกตัว เป็นเหตุให้หนึ่งรู้ "รู้หนึ่งเดียว" ปรากฏ เหมือนแสงสว่าง ที่ช่วยให้กายสังขาร จิตตสังขาร เห็นได้ว่าส่วนไหนคือฟ้าแท้ ส่วนไหนคือสิ่งปลอม
ความรู้สึกเกิดขึ้นด้วยการอาศัย "ตัว" ของกายสังขารทำงานร่วมกับจิตตสังขาร ทำให้รู้ว่า "ใจมีเครื่องห่อหุ้ม" เหมือนกระดาษเปล่า ที่เส้นวงกลมทำให้เกิดพื้นที่สมมุติ
เมื่อรู้ว่าท้องฟ้ามีสิ่งต่าง ๆ ปรากฏแล้วหมดไป จนเมื่อใจยอมว่า ใจแท้ไม่มีเครื่องห่อหุ้มประกอบอยู่ เครื่องประกอบหุ้มห่อจะล่วงลงจากใจไปเอง เหมือนกางเกงหลวม ๆ ที่ร่วงลงพื้นโดยไม่ต้องออกแรงถอด และไม่อาจหยิบขึ้นมาใส่ได้อีกเพราะกางเกงหายไปแล้วเพราะเป็นของชั่วคราว
ความรู้สึกตัวที่เกิดทีละช่วง ๆ ทำให้ หนึ่งรู้ ปรากฏขึ้นเป็นครั้ง ๆ ไป หากฝึกความรู้สึกตัวให้รู้สึกตัวไปบ่อยขึ้น
หนึ่งรู้ก็เกิดตาม โลกแต่ละขณะก็จบไป ๆ เห็นจักรวาลหนึ่งเดียว เห็นต่อเนื่องขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
จากจุดนี้ ผมยังไม่รู้แล้วว่าต่อไป คืออะไร...
สำหรับผม ยังมีความรู้สึกตัวน้อย หลงมาก เผลอบ่อย จึงคิดว่าฝึกความรู้สึกตัว คงเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่คำว่า เริ่ม ไม่ได้แปลว่าจะไปไหน คงเป็นการเริ่มต้นไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งไป ไม่ก้าวหน้าไม่ถอยหลัง เริ่มต้นทุก ๆ ครั้ง
จุดศูนย์กลางของวงล้อ ไม่เคยเคลื่อนไหว มีแต่สิ่งอื่นที่หมุนรอบวงล้อนั้น จุดศูนย์กลางไม่มีการเดินทาง
การฝึกความรู้สึกตัว ผมทดลองใช้การปลุกตัวให้ตื่นจากคิด ด้วยการเรียกตัวเองว่า "พุทโธ" แล้วรู้สึกตัวว่าถูกเรียก หลงคิดหลงฟุ้งก็ชะงัก เปิดพื้นที่ให้หนึ่งรู้ปรากฏแว๊บหนึ่ง จึงทำสนุก ๆ เรียกตัวเองในใจว่าพุทโธ บางทีกลอนพาไป เปลี่ยนเป็น พุทโธ ๆ ๆ "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" ซ้ำไปซ้ำมา สนุก ๆ รู้สึกว่าน่าทำ ไม่หวังอะไร
เพราะ หนึ่งรู้ปรากฏได้ก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว อะไร ๆ ก็เป็นอยู่แบบนั้น ๆ ของจักรวาลเดียว
โลกนี้ จักรวาลหนึ่งเดียวนี้ ปรากฏแก่การรู้นี้ เพราะมีกายสังขารจิตตสังขาร เกิดรู้มันขึ้นมา หากไม่มีกายจิต โลกก็ไม่มี จริง ๆ มีจักรวาลหนึ่งเดียวมีอยู่ของมัน แต่จะมีหรือไม่ก็ไม่สนใจแล้ว จริง ๆ แล้ว เรื่องมันก็แค่นั้น เรื่องอะไรก็เรื่องของมัน มันไม่มีอะไรจริง ๆ
กราบขอบพระคุณครับ
หลวงตา : สาธุ เข้าใจธรรมอย่างนี้ ถูกต้องตามธรรมแล้ว
แต่ก็ต้องรู้ธรรมปัจจุบัน เห็นธรรมปัจจุบัน ไม่มีตัวตนผู้ยึดถือธรรมปัจจุบัน จึงเป็นธรรมจริง สิ้นสงสัย ไม่ต้องถามใครอีกต่อไป
โยม : กราบเท้าหลวงตา กราบขอบพระคุณหลวงตา อย่างหาที่สุดมิได้ ลูกขอเพียรภาวนาปัจจุบันธรรม แบบไร้ผู้ภาวนา ถวายการปฏิบัติบูชา
บูชาพระคุณแด่หลวงตา ที่เมตตากรุณาสอนธรรมแบบตะลุมบอนกับโยม (วิธีนี้เหนื่อยที่สุด)
ลูกขอเป็นสักขีภูโต ตนเป็นพยานแห่งตน โลกธาตุเป็นพยานแห่งธรรม มิให้เป็นภาระแก่หลวงตาจนเกินสมควรครับ
กราบแทบเท้าหลวงตาครับ
หลวงตา : สาธุ
หมายเหตุ : ไฟล์เสียงที่โยมอ้างถึง
160426 "รู้ทุกคิดไม่ติดไป จิตเป็นอย่างไรได้แต่รู้" https://youtu.be/xwxhg7ZZLZQ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
4 ธันวาคม 2562
~~~~~~~~~~~~~~~