โยม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
สิ่งที่เกิด ๆ ดับ ๆ ล้วนเป็นสังขารทั้งน้านนนน แต่มักเสียท่า พอสังขารไม่ดีก็จะปรับแต่ง เลยหลงสังขารอีกเจ้าค่ะ ปัญญาไม่ทันว่า “รู้ทุกอย่างตามจริง”
ช่วงนี้ธรรมมาปรากฏเรื่องกายตลอดเจ้าค่ะ รู้สึกตัวเองเป็นโครงกระดูก เนื้อหลุดออกจากตัวตกลงดิน สุนัขมากัดแทะเนื้อที่หน้า เดินจงกรมอยู่ก็รู้สึกว่าเดินอยู่บนกองกระโหลกตัวเอง แล้วกระโหลกก็สลายเป็นทรายลงไป ธรรมก็มาบอกว่าไม่มีแผ่นดินตรงไหนที่เหยียบลงไปแล้ว ไม่มีกระดูกเราที่เวียนตายเวียนเกิดมาเลย รู้สึกสลดสังเวชเจ้าค่ะหลวงตา อีกครั้งก็มีธรรมมาบอกว่าที่ให้พิจารณากายเพื่อแก้จิตที่ “ติดเฉย”
การพิจารณากายหนูต้องเดินจงกรมถึงพิจารณาได้ แต่ก็ยังกระท่อนกระแท่น หนูก็เพียรเจ้าค่ะ ส่วนเวลาทำงานพอพิจารณากายไม่ได้ งานยุ่ง ๆ ก็เข้าโหมด “ติดนิ่ง” กับเหวี่ยงไปอีกข้างคือ “ฟุ้งซ่าน” เจ้าค่ะ
กราบขอความเมตตาจากองค์หลวงตาช่วยชี้แนะเจ้าค่ะ
หลวงตา : พิจารณาความตายให้ลงแก่ใจ ตายแล้วดับสนิทไม่เหลือตัวตนออกจากร่าง
เมื่อรู้สึกถึงความตาย ดับสนิทไม่เหลือตัวตนออกไปจากร่างจนถึงใจจริง ๆ แล้ว ก็จะสิ้นกิเลส ตัณหา อุปาทาน ความดิ้นรนทะยานอยากใด ๆ ทั้งหมดก็จะดับสนิทไปจากใจ
มีแต่รู้ออกมาจากใจว่า บัดนี้ไม่เหลือตัวตนที่ดิ้นรนทะยานอยากได้ อยากเอา อยากเป็น อยาก... อะไรให้เป็นทุกข์อีกต่อไป หรือ พ้นทุกข์ นิพพาน ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพชาติหน้าใหม่ไม่มีอีกต่อไป
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
26 กันยายน 2562