คำถาม : อยากทราบว่าเวลาถ้าเรามีเรื่องฝังใจอะไรในอดีต มันก็ดีขึ้นมากแล้วจนบางทีมันก็ผ่านไป ก็ไม่ได้มีอะไร แต่ว่าบางครั้งเวลามีเรื่องราวอะไร ที่มันมีความเชื่อมโยงกัน แล้วพอเรานึกถึง มันทำให้เรามีความรู้สึกเสียใจ กลับมาเสียใจอีกแล้ว หรือว่าเราเหมือนมีเจือปนความโกรธอยู่ในนั้น เหมือนเราข้ามผ่านไปไม่ได้ในบางครั้ง
อยากทราบว่าจะทำยังไงให้เราให้อภัยใครสักคนหนึ่งได้แบบหมดหัวใจ?
หลวงตา : มันทุกข์มั้ยเล่า ก็มาแบกไว้ในใจ ให้อภัยเค้าไม่ได้ มันทุกข์มั้ยเล่า? แล้วที่เราให้อภัยเค้าไม่ได้ เค้าก็นอนหลับหัวเราะสบาย แต่เราเอาเค้ามายึดไว้ในใจเป็นทุกข์มากเลยให้อภัยไม่ได้
“เรายึดเองทุกข์เอง” ยึดจนเป็นทุกข์ แต่เค้านอนหลับสบาย บางทีเค้าไปมีใหม่ เค้าไปมีความสุขสบายกับคนใหม่ แต่เราไปยึด อภัยเค้าไม่ได้ ยึดถือเค้าจนเป็นทุกข์น้ำตาไหลเข้าไหลออกอยู่นั่นแหละ
คนเราทุกคนมันมีเหตุปัจจัย ไม่มีหรอกเหตุบังเอิญในโลก บุญกุศลทำมากันแค่นั้นมันก็จบลงเพียงแค่นั้นแหละ ส่วนทำบุญกุศลต่อกันมาตลอดมันก็ไม่จบลง เป็นคู่ชีวิตกันจนตายไป แต่ยังไงก็ตามก็ต้องจากกันไปอยู่ดี ไม่จากเป็นก็ต้องจากตาย
แต่ความยึดถือสิมันเป็นทุกข์ เป็นทุกข์ทั้งภพนี้และภพชาติต่อ ๆ ไป
มันไม่มีเหตุบังเอิญใด ๆ ในโลก เมื่อทุกอย่างมันหมดเหตุปัจจัยกันแค่นี้ มันก็ต้องจบไป มันต้อง “จบที่ใจ” ไม่เอาสิ่งใดมายึดถือไว้ในใจ ความทุกข์มันก็ไม่มี
เห็นโทษของ “ความยึดถือ” ยึดจนเป็นทุกข์ ยึดจนเป็นทุกข์จริง ๆ เห็นโทษของความยึดถือ แล้วมันก็จะไม่เข้าไปยึดถือสิ่งใดให้เป็นทุกข์
คนเราทั้งหลาย ถ้ายึดถือมากไว้อย่างนี้บอกให้ปล่อยวางมันก็ไม่ได้ปล่อยวางได้หรอก เพราะว่าเค้ายังไม่รู้สึกว่าหนัก แต่ถ้ารู้สึกว่ามันยึดถือจนหนักไม่ไหวแล้ว สุดท้ายมันก็ต้องปล่อยวางเอง
เคยมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง เราก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน เค้าบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งทุกข์มากเลยกับภรรยาเค้าที่อยู่ด้วยกันมาสามเดือน ไปมีคนใหม่ เค้าทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับจนซูบผอม นอนซมจนจะถึงแก่ความตาย... ผ่ายผอม
วันหนึ่งก็มีพระภิกษุสงฆ์ เป็นพระอริยะสงฆ์องค์หนึ่งมายืนที่หน้าบ้านขอบิณฑบาต เค้าก็ไม่มีอะไรที่จะใส่บาตร ไม่ใส่บาตรไม่มีอะไรที่จะใส่บาตรและไม่พร้อมที่จะใส่บาตร พระภิกษุสงฆ์พระอริยะสงฆ์ท่านก็ “... นี่แหละจะมาบิณฑบาตเรื่องในหัวใจโยมนี่แหละ…”
แล้วท่านก็ให้เค้าดูในขันน้ำมนต์ แล้วดูสิว่าเห็นอะไรบ้างในขันน้ำมนต์ เค้าก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนอนตายเปลือยอยู่ แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นผู้หญิงนอนตายเปลือย เห็นว่ามันอุจาดก็เลยถอดเสื้อของเค้า “เสื้อคลุม” เอาคลุมร่างผู้หญิงแล้วก็เดินผ่านไป
ต่อมาก็มีผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินมา แล้วก็เห็นผู้หญิงคนเนี้ยนอนตายอยู่ ก็เลยเวทนา ก็เลยขุดหลุมพยายามขุดหลุม หาเอาไม้อะไรมาก็ได้พยายามขุดหลุมให้มันกว้าง ไม่ให้อุจาดแล้วก็กลบฝังผู้หญิงคนนี้
แล้วภาพก็เปลี่ยนไปว่า ผู้ชายที่ถอดเสื้อคลุมให้ศพผู้หญิงคนนี้ คือ 'ตัวเขา' ในชาตินี้ ส่วนผู้ชายที่ขุดหลุมฝังศพกลบอย่างดีให้แก่ศพผู้หญิงคนนี้ ก็คือ ผู้ชายคนใหม่
เค้ากับผู้หญิงคนนี้ ศพนั้นผู้หญิงคนนั้น ก็คือเกิดมาเป็นภรรยาเค้าสามเดือน เพราะเขาแค่ถอดเสื้อคลุม คลุมร่างให้แก่ผู้หญิงคนนั้น
แต่ผู้ชายคนใหม่ที่ตามมาข้างหลัง ได้ฝังผู้หญิงคนนั้นด้วยความทุกข์ยากลำบาก เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนนั้นหมดสามเดือนแล้ว เค้าจึงไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่
ทุกอย่างมันมี “เหตุปัจจัย” ของมัน ไม่มีเหตุอะไรบังเอิญในโลก อย่าไป “ยึดติดยึดถือ” กับอะไรเลย
อดีต … มันผันผ่าน ต้องผ่านไป อย่ามายึดถือไว้ให้เป็นทุกข์
ปัจจุบัน … ก็ต้องผ่านไปเป็นอดีต และก็ผ่านไป
อนาคต … ก็ต้องผ่านมาเป็นปัจจุบัน แล้วก็ต้องผ่านไป
ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ต้องผ่านเลยไป
ให้มันผ่านเลยไป ... ผ่านเลยไป … ผ่านเลยไป
อย่าไปยึดถือสิ่งใดไว้ ความทุกข์มันก็ไม่มี
สุดท้ายมันก็นอนตายตาหลับ เพราะไม่มีเรื่องใดทั้งอดีต ทั้งปัจจุบัน และอนาคต
มาจับมายึดมาถือไว้ในใจ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหมือนดุจลมพัดผ่านไปในอากาศ … ความทุกข์ก็ไม่มี
ความจริงมันก็เป็นเช่นนี้ เราอยากจะยึดถือไว้แต่ก็ยึดถือไม่ได้เห็นมั้ย? อยากจะยึดถือให้ตายแต่มันก็ยึดถือไม่ได้ ทุกอย่างผ่านมา ... แล้วก็ต้องผ่านไป อยากจะยึดถือเค้าเอาไว้ให้ได้ ก็ยึดถือเค้าเอาไว้ไม่ได้ ผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป ไม่จากเป็นก็ต้องจากตาย ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ที่จะยึดถือไว้ได้ตลอดไป
ถ้าพิจารณาตรงนี้ไม่ตกจะเป็นทุกข์มากเลย มันจะมาแบกมายึดถือไว้ในใจให้เป็นทุกข์... พิจารณาให้ดีนะ!!!
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง และ วีดีโอ
190518B-5 อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนผ่านมาแล้วผ่านไป
16 พฤษภาคม 2562
ฟังจากยูทูป :
https://www.youtube.com/watch?v=kICb8oLA0z0&t=61s