โยม : กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา รู้ มีแต่รู้เห็นในปัจจุบันขณะ ไม่ยึดถืออะไรเลย มัน พูดยาก มันพูดไม่ออก
ขณะที่เขียนก็เห็น (คือรู้ไม่มีผู้เห็น ไม่มีผู้รู้ มันคืออาการความรู้สึก รู้ ว่าว่าง ก็ว่าง รู้ว่าคิดก็คิด ไม่คิดก็รู้ ว่างจากอวิชชาก็รู้)
คืออนัตตา เพราะมันไม่มีอะไรเจ้าค่ะหลวงตา กราบนมัสการเจ้าค่ะ
หลวงตา : พิจารณาให้ดี ยังมีความรู้สึกว่าเราเป็นผู้รู้ที่ไม่ปรากฏตัวตนของผู้รู้ หรือ เราคือธาตุรู้ที่เป็นสุญญตา หรือ เรานิพพาน
แต่ถ้าสังเกตพิจารณาให้ดี ๆ จะเห็นตามที่หลวงตาบอกได้
ว่ามีเราเป็นธาตุรู้ เป็นสุญญตา เป็นนิพพานที่คิด ปรุงแต่งได้
ดังนั้น จึงไม่ใช่ “จิตบริสุทธิ์” ที่เป็นธาตุรู้ เป็นธรรมธาตุ เป็นสุญญตาธาตุ เป็นนิพพานธาตุ เป็น วิสังขาร เป็นอสังขตธาต เป็นอสังขตธรรม
ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่มีตัวตน
ไม่มีเครื่องหมาย หรือที่หมาย ไม่มีรูปสัญลักษณ์
ไม่เกิดดับ หรือ ไม่เกิดตาย ไม่อาจถูกทำลายได้
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ไม่ใช่ธาตุดิน น้ำลม ไฟ อากาศ
ไม่ใช่อรูปฌาน
ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดนิ่งอยู่
ส่วนผู้ที่คิด ปรุงแต่ง วิเคราะห์ วิจารณ์ วิจัย ตรึกตรอง พูดพากษ์อยู่ในใจ หรือ ในผู้รู้นั้น มันเป็นสังขารปรุงแต่ง เป็นอวิชชา
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
15 พฤษภาคม 2562