โยม : กราบนมัสการหลวงตาครับ "การปล่อยวาง -ไม่ยึดถือที่เกิดจากใจหรือจิตเดิมแท้" จะเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยใดครับ
หลวงตา :
*****ถึงใจว่า ... ใจหรือ จิตเดิมแท้ หรือ ธาตุรู้ เป็นสุญญตา หรือ มหาสุญญตา คือ ว่าง
เป็นวิสังขาร อสังขตธาตุ อสังขตธรรม คือ ไม่อาจคิดปรุงแต่ง คิดสงสัย หรือ ไม่อาจปรุงแต่งดิ้นรน ค้นหา.. หาถูก หาผิด หาเหตุผล หาหนทางพ้นทุกข์ หาทางปล่อยวาง หานิพพาน หา ... หา ... และหา ... ได้เลย
เป็นนิพพานธาตุ ไม่อาจคิดหรือปรุงแต่งยึดถือให้เป็นทุกข์ได้
เป็นธรรมธาตุ คือ เป็นธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่ตาย ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปพรรณสันฐาน ไม่ใช่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดอยู่ ไม่ได้ตั้งต้นที่การเกิด และ ดับไปด้วยการตาย
เป็นธาตุรู้อันบริสุทธิ์ คือ เป็นความว่างเหมือนกับความว่างของธรรมชาติ ความว่างของอวกาศหรือจักรวาล โดยปราศจากจากมีผู้ขี้ตู่หลงยึดถือเอามาเป็นของตน
เมื่อถึงใจ หรือ รู้แจ้งแก่ใจเช่นนี้ โดยไม่หลงเลอะเลือนอีกแล้ว ก็จะเป็น “ใจ” ที่เป็นวิสังขาร เป็นสุญญตา เป็นนิพพานธาตุ เป็นธาตุรู้ที่ว่างเปล่า ...
***** แล้วจะไม่หลงเอาสังขารมาเป็นใจ หรือ หลงเอาใจไปเป็นสังขาร หรือ ไม่หลงเอาสังขารมายึดถือใจ ซึ่งล้วนแต่เป็น “อวิชชา” ทั้งนั้น
อย่างนี้ เรียกว่า "วาง" คือ วางทั้งสังขาร และ วิสังขาร ซึ่งเป็นใจนั้น และวางการพยายามวาง หรือ วางผู้พยายามวางเสียด้วย
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
4 มกราคม 2562